
“วาฬโอมูร่า” สายพันธุ์หายาก พลัดหลงกับแม่ช่วงพายุปาบึก ได้รับบาดเจ็บเกยตื้นตาย ศีรษะติดเสาใต้ถุนบ้านชาวประมง ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบซาก
เมื่อเวลา 22.20 น. วันที่ 11 ม.ค. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ทิพามาศ อุปน้อย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง ต.นาทุ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร ได้รับแจ้งจากนายสิทธิชัย ธีระประภาส ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านท้องตมใหญ่ ต.ด่านสวี อ.สวี ว่า พบปลาวาฬขนาดใหญ่ติดอยู่กับเสาใต้ถุนบ้านชาวประมงริมทะเล ต่อมาชาวบ้านกว่า 40 คน ได้ช่วยกันนำเชือกผูกลากขึ้นมาไว้บนฝั่งแล้ว หลังรับแจ้งจึงเดินทางลงพื้นที่พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยฯ และสพ.ญ.วัชรา ศากรวิมล สพ.ญ.พิมพ์ชนก ประจำค่าย โดยมี ร.ต.อ.นรินทร์ ช่วยเต็ม รอง สวป.สภ.สวี พร้อมกำลังสายตรวจรถยนต์ 20 และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์เขตสวีร่วมตรวจสอบ
จากการตรวจสอบซากปลาวาฬตัวดังกล่าว สพ.ญ.วัชรา กล่าวว่า เป็น “วาฬโอมูร่า” เพศผู้ อายุประมาณ 3 เดือน น้ำหนักประมาณ 600-700 กิโลกรัม ยาว 4.94 เมตร สายพันธุ์ที่แยกมาจากวาฬบลูด้า ซึ่งเป็นวาฬค่อนข้างจะหายาก จากการสันนิษฐานเบื้องต้นพบว่าเสียชีวิตได้ไม่นาน มีบาดแผลรอยถลอกบนผิวหนังซึ่งเป็นแผลอักเสบหลายแห่ง มีแผลคล้ายถูกของมีคมขนาดใหญ่บาดที่ปลายหางแต่ไม่ใช่ลักษณะถูกใบพัดเรือ ที่ปลายครีบและปลายหางทั้งสองข้างพบบาดแผลถลอกมีเลือดไหลออกมา ส่วนร่างกายซูบผอม คาดว่าป่วย ส่วนสาเหตุน่าจะพลัดหลงกับแม่จึงว่ายเข้าเกยตื้น

สพ.ญ.วัชรา กล่าวอีกว่า กรณี วาฬโอมูร่า เกยตื้นมาเสียชีวิตนั้น 4 ปี เจอเพียง 2 เคสเท่านั้น ครั้งแรกพบที่เกาะตะเกียบอำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ครั้งนี้เป็นตัวที่สอง ขณะเดียวกันทางกรมประมง กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการขอขึ้นทะเบียน วาฬโอมูร่า เป็นสัตว์สงวน จากเดิมคือสัตว์คุ้มครอง หลังจากนี้จะนำซาก วาฬโอมูร่า ขึ้นรถสไลด์ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากอู่ชาติรถยกโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆไปยังศูนย์วิจัยฯเพื่อทำการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แท้จริง หลังทราบแล้วก็จำนำเอากระดูกเก็บไว้ส่วนเนื้อหนังจะฝังกลบต่อไป
ชาวบ้านท้องตมใหญ่รายหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า ก่อนพายุโซนร้อน ปาบึกจะเข้านั้นได้เห็นปลาวาฬตัวดังกล่าววายดำผุดดำโผล่อยู่ปากอ่าว หลังจากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลยจนเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วานนี้ (11 ม.ค. 62) นายศุภชัย หรือโกยุ้ย อายุ 60 ปี ชาวบ้าน สังเกตเห็นซากปลาวาฬขนาดใหญ่ศีรษะติดอยู่ซอกเสาใต้ถุนบ้าน จึงให้ผู้ใหญ่บ้านแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบแต่พบว่าได้เสียชีวิตแล้ว ก่อนชาวบ้านช่วยกันนำขึ้นฝั่ง


ฃ 









