
เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังไม่พบร่าง “น้องจิ๊บ” หลังกระโดดจากสะพานศรีสุราษฎร์ จมหายในแม่น้ำตาปี ล่าสุดพ่อพบจดหมายลาตายถึงแฟนหนุ่ม ระบุเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดตัวเอง ไม่อยากจะให้โทษใคร
จากกรณีเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 ก.ย.61 น.ส.สุภาภรณ์ ศรีพูล หรือน้องจิ๊บ อายุ 25 ปี ผู้จัดการร้านขายยาแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี ได้ตัดสินใจกระโดดจากสะพานศรีสุราษฎร์ ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ลงไปในแม่น้ำตาปี โดยก่อนหน้านี้มีผู้พบเห็นยืนเหม่ออยู่บนราวสะพานนานกว่า 3 ชั่วโมง แต่ไม่มีใครฉุกใจคิดเพราะสะพานนั้นเป็นจุดชมวิวของชาวสุราษฎร์ธานี หลังเกิดเหตุหน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่างระดมค้นหาอย่างต่อเนื่อง แต่พบอุปสรรคเนื่องจากสายน้ำเชี่ยวกรากเพราะเป็นปากแม่น้ำ

สะพานศรีสุราษฎร์
ล่าสุด วันนี้ (10 ก.ย.61) หน่วยกู้ภัยร่วมกับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี และชาวประมงท้องถิ่นบริเวณอ่าวบ้านดอนยังคงออกค้นหาอย่างต่อเนื่องตามผิวน้ำ เนื่องจากคาดว่าร่าง น.ส.สุภาภรณ์จะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ โดยการค้นหาเน้นตามคลองสาขาของแม่น้ำตาปี ไปจนถึงบริเวณปากน้ำตามลักษณะขึ้นลงของกระแสน้ำแต่ยังคงไร้วี่แวว ขณะเดียวกันนายโสภณ ศรีพูล อายุ 53 ปี และนางโสภี อินทจันทร์ อายุ 42 ปี พ่อและแม่รวมถึงญาติๆ ก็มาเฝ้ารอปฏิบัติการในครั้งนี้ รวมถึงได้มีการจุดธูปทำพิธีตามความเชื่อ เพื่อให้พบร่างของน้องจิ๊บ
ด้านนายโสภณผู้เป็นพ่อบอกว่า น้องจิ๊บเป็นลูกคนโตและที่ผ่านมาน้องจิ๊บไม่เคยเล่าปัญหาอะไรให้ฟัง จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา นางโสภีแม่ของน้องจิ้บที่อยู่กันคนละบ้าน ได้เดินทางมาหาน้องจิ๊บ เนื่องจากทราบว่า น้องจิ๊บมีปัญหากับทางบ้านของแฟนหนุ่มชื่อบิว และทางลูกสาวบอกว่าจะกลับมาอยู่กับครอบครัวที่บ้าน

ก่อนเกิดเหตุนายโสภณกลับมาจากทำงานทราบจากลูกสาวคนเล็กว่า น้องจิ๊บได้เก็บเสื้อผ้ามาไว้ที่บ้านแล้วขี่รถจักรยานยนต์ออกไปและไม่กลับมาบ้านเลย ติดต่อทางโทรศัพท์ก็ไม่ได้ เมื่อเข้าไปในห้องนอนก็พบจดหมายลาตายของน้องจิ๊บเขียนทิ้งไว้ 2 ฉบับ ฉบับแรกถึงพ่อแม่และน้องส่วนอีกฉบับเขียนถึงแฟนหนุ่ม ซึ่งหลังจากเห็นจดหมายทั้งครอบครัวก็ได้ออกตามหา จนกระทั่งเห็นข่าวทางเฟซบุ๊กว่า น้องจิ๊บกระโดดสะพานฆ่าตัวตาย
ทั้งนี้นายโสภณยังบอกอีกว่า เขาเพิ่งมารู้ว่าที่น้องจิ๊บไปอยู่กับครอบครัวแฟนหนุ่ม เขามีปัญหามากมาย เขาถูกกดดันในหลายเรื่องๆ แต่ในจดหมายน้องจิ๊บเขียนว่า ทุกอย่างเป็นความผิดของเขา ไม่ต้องการให้ครอบครัวของเราไปโทษคนอื่น










