
จากกรณีคลิปหนุ่มสวมชุดกากีขับวีออสบีบแตรเสียงดัง ก่อนจะวิ่งไปเตะรถฮอนด้าแจ๊ส ล่าสุดเจ้าตัวออกมาบอกว่า ที่บีบแตรเพราคู่กรณีไม่ยอมเลี้ยวซ้าย และมีการทุบรถกันมาก่อนเป็นคลิป
วันนี้ (30 พ.ค.62) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อว่า “ปพนศักดิ์ ทรัพย์เกษตรกิจ” ได้โพสต์คลิปวิดีโอพร้อมข้อความระบุว่า เหตุการณ์เช้านี้ก่อนหน้านี้ไม่รู้มีเรื่องอะไรกันมาก่อนแต่เห็นรถเก๋งวีออส วิ่งไล่จี้ตูดแล้วบีบแตรค้างไล่มาตลอดทางจนมาถึงที่เกิดเหตุ ใส่ชุดข้าราชการอีกแล้ว
ทั้งนี้ในคลิปดังกล่าวจะเห็นได้ว่า รถยนต์โตโยต้า วีออส สีเทาได้บีบแตรยาว จากนั้นคนขับรถสวมชุดสีกากี คล้ายกับราชการได้วิ่งลงมาเตะรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว 1 ครั้งก่อนจะวิ่งขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว โดยคนขับรถฮอนด้าแจ๊ซ มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายลงมาพร้อมเปิดศึกย่อมๆ กลางถนน โดยมีพลเมืองดีเข้าไปสอบถามพร้อมห้ามปราม ไม่ให้เกิดเหตุร้าย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดบนถนนพุทธมณฑลสาย 3
https://youtube.com/watch?v=K07o-58p1OM
ล่าสุดมีคลิปอีกมุมที่เห็นว่า รถทั้ง 2 คันขับไล่กันมาตั้งแต่แรก จะเห็นว่าเห็นรถแจ๊สขับมาด้วยความเร็ว โดยมีรถเก๋งวีออสขับจี้ท้ายรถมาอย่างกระชั้นชิด ทั้งยังไม่เบี่ยงหลบคล้ายหาเรื่อง ยาวนานมาถึงช่วงที่ติดแยกไฟแดงซึ่งการจราจรคับคั่ง จนทางชายแต่งชุดข้าราชการ ได้ลงจากรถมาถีบท้ายรถแจ๊สแล้ววิ่งหนีไปจนเกิดเหตุทะเลาะวิวาทขึ้น
ด้าน พ.ต.อ.กฤตินาท ตุลยลักษณ์ ผกก.สน.ศาลาแดง ได้นัดหนุ่มชุดข้าราชการ และฝ่ายคู่กรณี ให้มาเจรจากัน เนื่องจากคลิปดังกล่าวสร้างฮือฮาในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก โดยทางพ.ต.อ.กฤตินาท กล่าวว่า เบื้องต้น ชายสวมชุดข้าราชการ เป็นทหารทราบว่ายศเรือตรี ซึ่งล่าสุด ชายสวมชุดข้าราชการอ้างว่า รถของคู่กรณีขับรถอยู่เลนซ้าย แต่ไม่ยอมเลี้ยวซ้าย จึงบีบแตรไล่กันมาก่อนหน้านี้ ฝ่ายคู่กรณีมีการลงมาทุบรถก่อน ทางชายทหารจึงลงมาถีบรถกลับ ภายหลังจากนายทหาร มาถึง สน.ศาลาแดง เปลี่ยนเป็นชุดลำลอง ปิดแมส และวิ่งหนีสื่อมวลชนพร้อมกับไม่ยอมตอบคำถามใดๆ

นางสาวสุนาวรี อินดิบ
ต่อมานางสาวสุนาวรี อินดิบ วัย 32 ปี อาชีพช่างเสริมสวย หญิงสาวคู่กรณี เข้าพบตำรวจสน.ศาลาแดง พร้อมยืนยันกับทีมข่าวว่า ไม่ได้ขับรถปาดหน้ากับคู่กรณีตามที่ถูกกล่าวอ้าง ชายที่เป็นทหารพยายามขับจี้ท้ายรถ และบีบแตรตลอดทาง ก่อนที่ทหารคนดังกล่าวจะตะโกนต่อว่าตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย พาดพิงไปถึงบุพการี พร้อมตะโกนต่อว่าเธอว่า ทำไมนำสติกเกอร์ปิดทับป้ายทะเบียนรถ เธอพยายามไม่สนใจ ชายทหารคนดังกล่าวยังบอกเธอต่อว่่า เขาไม่ถูกโฉลกกับเลข 1 และ 5 เธอก็พยายามขับหนี แต่ชายคนดังกล่าวยังไม่ยอม บีบแตรไล่หลัง ตะโกนด่าทอกันระหว่างรถไปมา
กระทั่งติดไฟแดง ชายคนดังกล่าวลงจากรถพร้อมกระโดดถีบท้ายรถของเธอ เธอจึงวิ่งเข้าไปเคาะกระจกพยายามเรียกให้ลงมาคุย ชายคนดังกล่าวพยายามหลบหนี เธอวิ่งตามพร้อมใช้ข้อศอกกระแทกจนกระจกคู่กรณีแตกได้รับบาดเจ็บ เมื่อเปิดประตูรถได้ทหารคนดังกล่าวย้ายไปนั่งเบาะข้างคนขับ พร้อมตะโกนกลับมาใส่ร้ายว่าเธอเมายา พยายามจะฆ่า และข่มขู่ว่าจะเอาเรื่องตนให้ถึงที่สุด ชายทหารคนดังกล่าวยังถามกลับอีกว่า “รู้ไหมกูเป็นใคร กูเป็นทหารนะ เห็นไหมใส่ชุดสีกากี” พร้อมยังอ้างรู้จักอัยการและผู้ใหญ่หลายคน

เบื้องต้น พ.ต.อ.กฤตินาท อยู่ระหว่างสอบปากคำ ทั้ง 2 ฝ่าย โดยยังไม่แจ้งข้อหาฝ่ายใด ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้งคู่ ทั้งนี้ขณะที่ทั้งคู่กำลังเจรจา มีนายทหารยศระดับสูงยศนายพล ระบุว่าเป็นบิดาของนายทหาร ที่ก่อเหตุ ยืนยันว่าลูกชายเป็นคนธรรมะธรรมโม เพิ่งได้รับใบประกาศนียบัตรจากพระชั้นผู้ใหญ่ ที่ผ่านมาเป็นคนที่อยู่ในโอวาท นิสัยส่วนตัวยึดถือความถูกต้องเป็นหลัก เชื่อว่าน่าจะมีเรื่องบาดหมางกันเรื่องขับรถมาก่อนหน้านี้ เชื่อว่าลูกชายน่าจะถูกกระทำก่อน ส่วนตัวไม่อยากให้ลูกชายดำเนินคดีอะไรกับคู่กรณีอยากให้อภัยซึ่งกันและกัน แต่ลูกชายไม่ยอมตนจึงยอมให้ลูกชายดำเนินคดีต่อไปเพราะคิดว่าอาจเคยมีปัญหากันมาตั้งแต่ในอดีตชาติ
ด้าน พล.ร.ท.กาญจน์ ดีอุบล โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าชายคนดังกล่าวเป็นกำลังพลของกองทัพเรือหรือไม่ ซึ่งตามนโยบายของ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนหากกำลังพลทำผิด ต้องดำเนินการลงโทษตามวินัยอย่างเด็ดขาด ส่วนคดีทางอาญา ให้ทั้งคู่กรณีไปดำเนินการกันเอง









