
คณะครูบนดอย รร.ห้วยหมูพิทยา จ.แม่ฮ่องสอน และชาวบ้าน ฝ่าสายฝน ดงน้ำป่า กว่า 8 กม. เพื่อขนอาหารมาให้เด็กๆ แต่ครูสาวคนหนึ่งเกิดสะบ้าหัวเข่าหลุด ชาวโซเชียลจึงส่งแรงใจให้อย่างล้นหลาม
วันที่ 12 มิ.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพเหตุการณ์ “ครูบนดอย” ในสภาพคล้ายคนเป็นลมท่ามกลางกระแสน้ำป่าที่ไหลบ่าแรง โดยชาวโซเชียลได้เข้ามาให้กำลังใจกันมากมายนั้น
เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องราวที่ได้รับการเผยแพร่จากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Sodasai Sodasai ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะครูที่กำลังช่วยกันขนอาหารมาให้เด็กๆ ที่โรงเรียนบ้านห้วยหมูพิทยา อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อให้เด็กๆ ได้มีอาหารทานกัน เนื่องจากโรงเรียนอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร การเดินทางยากลำบากมาก โดยเจ้าของเฟซบุ๊กได้ระบุข้อความเล่าเหตุการณ์ไว้ว่า…

“ทีแรกคิดว่า น้องแค่เป็นตะคริว เพราะเดินลุยฝนตลอดทาง…เดินข้ามลำห้วยอีก 20 กว่าจุด และเหตุมันเกิดขึ้นในน้ำมองอะไรไม่เห็นเลย…. ทุกคนตกใจมาก คิดอย่างเดียวคือทุกคนต้องปลอดภัย…พอพาน้องขึ้นฝั่งได้ ปรากฏว่า สะบ้าหัวเข่าหลุด จะพาน้องกลับทางเดิมก็เคลื่อนย้ายไม่ได้ ครูกิว/ครูนิ่ม/ชาวบ้าน ต้องรีบเดินกึ่งวิ่งเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน จนตัดสินใจทำเปลและจากแรงของชาวบ้านผู้ชาย/ครูผู้ชาย 2 คน ครูกิว/ครูดาวิน ช่วยกันหามน้องออกไปหารถที่บ้านห้วยแห้ง เพราะในหมู่บ้านรถไม่สามารถออกไปได้ ติดน้ำห้วย การเดินทางลำบากมาก ตอนนี้น้องถึง รพ.ได้รับการรักษาและปลอดภัยแล้วค่ะ รายงานจากครูผู้ชายที่ไปส่ง
……ขอบคุณทุกแรงใจ สำหรับครูหลังเขาตรงนี้…ทุกคนสู้ด้วยใจ ไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับใคร….ถึงไม่ประมาทมันก็สามารถเกิดขึ้นได้……
ขอให้ครูอ้อ…หายไวๆ นะคะ ทุกคนเป็นกำลังใจให้กันเสมอ เป็นห่วงนางมาก….”

โดยภายหลังจากเรื่องดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ ชาวโซเชียลต่างก็เข้ามาแชร์และให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม ถึงความเสียสละและความลำบากของครูบนดอย ซึ่งต่อมาเจ้าของเฟซบุ๊กคนเดิมก็ได้เข้ามาขอบคุณกำลังใจจากชาวโซเชียล และรายงานความคืบหน้าว่า ครูสาวผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าวปลอดภัยแล้ว โดยระบุข้อความเอาไว้ว่า…

“ก่อนอื่นนั้นต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจ…ที่ส่งผ่านคอมเมนต์โซเชียลเข้ามา อยากจะบอกว่า นอกจากกำลังใจจากเด็กนักเรียนแล้ว…พวกเราก็ได้รับกำลังใจจากพวกท่านที่ทำให้ “ครูหลังเขา” อย่างพวกเรามีแรงพลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
ขอบคุณจากใจจริงๆ ค่ะ…การเดินทางในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการเดินทางลำบากในครั้งแรก เพราะทุกปี เราจะเจอเหตุการณ์แบบนี้…ครูตลอดจนชาวบ้านเสมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก….รถเข้า/ออกไม่ได้ ไม่มีถนนให้ผ่าน พอหลังจากน้ำลด ก็จะเหลือไว้แต่ซากไม้และก้อนหินก้อนใหญ่ เส้นทางที่เราเคยขับผ่านได้ก็ต้องแก้ไขด้วยตนเอง
ชาวบ้าน/ครู ช่วยกันเก็บซากและก้อนหินเพื่อเป็นช่องทางเดินรถในระยะต่อไป
ครูก็ซ่อมมอเตอร์ไซค์ยกใหญ่
อาจมีหลายคำถาม ว่า… “ล่ะครูจะรีบไปทำไม”
ตอบคำถามตรงๆ ว่า
ครูไม่ทราบถึงสถานการณ์น้ำ เนื่องจากติดต่อใครไม่ได้จนมาถึงครึ่งทาง เจอสถานการณ์ให้เลือก คล้ายๆ ว่า..จะหยุด ! ..หรือไปต่อ ประชุมตรงริมลำห้วย ทุกคนตอบไปต่อ เพราะอาหารเด็กอยู่กับเรา
ความคิดครูตอนนั้น คือ น้ำป่า หากฝนหยุดก็แห้งเร็ว หากเราติดอยู่ตรงนั้น นอกจากครูจะไม่มีที่พัก ไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนในขณะที่เนื้อตัวเปียกปอน เด็กก็รออีก อาหารก็จะเน่าเสีย
เราเดินทางกันหลายคนรวมทั้งชาวบ้านคงไม่เป็นไร ช่วยกันแบกช่วยกันหามแค่ 8 กม.เอง
เราเดินทางกันด้วยใจ พยายามพูดคุยให้ทุกคนมีความสุขจากการลำบาก
สถานการณ์ภายภาคหน้าไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น ยิ่งทำให้พวกเราคิดว่า นอกจากคำว่า <เพื่อนร่วมงานแล้วเราคือพี่น้องกัน> เราจะทำหน้าที่ของครูด้วยจิตวิญญาณ… ให้ความรัก ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน สู้ด้วยใจกันต่อไปค่ะ
ภาพการเคลื่อนย้ายน้องเมื่อคืน ด้วยแรงใจของชาวบ้าน ตอนนี้น้องปลอดภัยเเล้ว ออกโรงพยาบาลไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้วค่ะ”



เครดิตภาพ/เรื่องราว: Sodasai Sodasai









