ประเด็นคือ – ผู้เสียหายโพสต์ว่าเด็ก 4 ขวบ เอาสีทาบ้านป้ายรถ คู่กรณีไม่รับผิดชอบ ล่าสุดแม่เด็กแจ้งความเอาผิดกลับ เพราะแสดงความรับผิดชอบ และตกลงกันที่โรงพักแล้ว
จากกรณีเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 60 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Nut Khaijeaw ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า “มีลูกได้ แต่มีความรับผิดชอบไม่ได้ อย่ามีมันเลยครับ อีส… ลูกมึ…เล่นทาสีบ้านบนรถกูเลย จ้าาาาาาาาาา ถ่ายรูปเด็กไว้ ลูกมึงเหลืองยันกระ… ยังกล้าบอกว่าลูกไม่ได้ทำอีก จ้าาาาาาาาาา ตำรวจก็ไม่พิจารณาหลักฐานกูเลย จะเอาคลิปวิดีโอ จ้าาาาาาา สังคมป่วยเพราะคนแบบนี้มีมากขึ้นทุกวัน เห็นแก่ตัว ติดสินบน หน้าด้าน สุดท้ายลอยนวล แล้วคนดีๆ เสียเปรียบคนพวกนี้ แล้วคนดีจะดีไปทำไม อื่มมมม มันน่าคิด #ไม่เครียดหรอก #สีน้ำเงินก็น่าจะสวยนะ #ล้อก็เก่าแล้วด้วย”
ล่าสุดวันนี้ (19 ก.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สุพรรษา นวนสุวรรณ อายุ 27 ปี แม่ของเด็กชายวัย 4 ขวบ พร้อมด้วย 2 ทนายความ คือ ว่าที่ ร.ต.จักรพันธ์ กองแก้ว (เสื้อสูท) และ นายศุภสิทธิ์ ศิริ (เสื้อลาย) ได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อเเจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nut Khaijeaw หลังตนตกเป็นจำเลยสังคมและถูกโจมตีอย่างหนัก จากข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง ทำให้เกิดความเสียหายต่อครอบครัวและตัวเด็ก รวมถึงสภาพจิตใจที่ย่ำแย่จากการถูกสังคมประณาม

ด้าน ว่าที่ ร.ต.จักรพันธ์ กองแก้ว (เสื้อสูท) ทนายความ ออกมาระบุว่า ผู้เสียหายรายนี้ซึ่งตกเป็นจำเลยสังคมและถูกโจมตีอย่างหนักจากข้อมูลที่บิดเบือน ได้เข้ามาขอความเป็นธรรมกับสำนักงานกฎหมายของตนเอง หลังจากได้พูดคุยสอบถามข้อเท็จจริงแล้วจึงทราบว่ามีการลงโพสต์บิดเบือนความจริง ทำให้เกิดความเสียหายต่อครอบครัวและเด็ก รวมถึงสภาพจิตใจที่ย่ำแย่จาการถูกสังคมประณาม และจากการตรวจสอบข้อความในโพสต์ รวมถึงการเผยแพร่หน้าตาของเด็กวัย 4 ขวบ ซึ่งถือว่ากฎหมายคุ้มครอง ถือว่าเข้าข่ายความผิดชัดเจน จึงรวบรวมเอกสารต่างๆ เข้าเเจ้งความร้องทุกข์ในคดีอาญาในครั้งนี้

ขณะที่ทางฝั่ง น.ส.สุพรรษา นวนสุวรรณ แม่ของเด็กชายคนดังกล่าว เล่าว่า วันเกิดเหตุตนเองกำลังเก็บร้านอยู่นั้นมีคนมาแจ้งว่าลูกชายได้ใช้สีทาที่รถของคู่กรณี หลังทราบเรื่องก็รีบไปดูสภาพรถ และพบว่ามีสีติดที่รถจริง จึงสอบถามข้อเท็จจริงกับทางเจ้าของรถกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเจ้าของรถระบุว่า มีเด็กสองคน ซึ่งหนึ่งในสองคือลูกชาย ได้นำสีมาทาที่รถตนเอง เมื่อทราบว่ามีลูกชายทำด้วยและเห็นว่ามีสีติดที่ตัวลูกชายจริง ตนเองก็ได้ให้เจ้าของรถหาร้านทำสี เพื่อจะได้รีบขัดสีและยินดีชดใช้ค่าเสียหาย

แต่คู่กรณีไม่ยินยอมและเรียกเงินค่าเสียหายจำนวน 35,000 บาท ซึ่งตนเองไม่มีเงินมากถึงขนาดนั้น จึงบอกให้เรียกประกันมาเคลมและจะจ่ายจริงตามที่ประกันระบุ ทำให้ฝ่ายคู่กรณีไม่พอใจและเรียกประกันมา โดยประกันจะให้ตนเองเซ็นรับผิดฝ่ายเดียวทั้งที่มีเด็กสองคน ซึ่งก็ยังไม่มีใครเห็นหรือมีหลักฐานระบุชัดว่าลูกชายตนเองทำเพียงคนเดียว จึงพากันมาตกลงที่ สภ.บางพลี และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งให้ประกันดำเนินการขัดสีและเรียกเก็บตนเองภายหลังตามความจริง จากนั้นจึงแยกย้ายกลับบ้านพัก

กระทั่งวันรุ่งขึ้นมีเพื่อนแคปหน้าจอพร้อมทั้งภาพใบหน้าบุตรชาย และยังมีการโพสต์ข้อความบิดเบือนจนตนเองเสียหาย ถูกสังคมโจมตีจนเกิดความเครียดทั้งครอบครัว และยิ่งสะเทือนใจมากกว่านั้นเมื่อลูกชายเอ่ยคำว่าไม่อยากโดนตำรวจจับ ตนเองขอยืนยันว่าไม่ใช่ไม่รับผิดชอบ ยินดีรับผิดชอบในส่วนค่าเสียหาย แต่การที่มีการโพสต์ใส่ความและนำรูปภาพลูกชายไปลงนั้นจะทำให้เด็กกลายเป็นคนมีปมด้อย และยังเสียหายต่อครอบครัวอย่างมาก จึงเดินทางมาเเจ้งความเอาผิดในครั้งนี้ และอยากให้สังคมรับฟังความทั้งสองฝ่ายก่อนจะตัดสินอะไรลงไป










