
ประเด็นคือ- ประชาชนนับหมื่นแห่ร่วมงานประเพณีรับบัว ของชาวอำเภอบางพลี ซึ่งเป็นประเพณีหนึ่งเดียวในโลก จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (4 ต.ค. 60) ที่หน้าที่ว่าการอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ นายชาติชาย อุทัยพันธุ์ ผวจ.สมุทรปราการ และนายวีระพันธ์ ดีอ่อน นายอำเภอบางพลี ร่วมเป็นประธานเปิดงานประเพณีรับบัวบางพลี ประเพณีหนึ่งเดียวในโลก ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 82 และเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณของชาวอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และได้รับการประกาศเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ประจำปี 2555 โดยกระทรวงวัฒนธรรม
ในงานมีการอัญเชิญองค์หลวงพ่อจำลองมาประดิษฐานบนเรือบุษบกที่ประดับไปดอกไม้นานาชนิด ล่องไปตามคลองสำโรงเพื่อให้ประชาชนสองฝั่งคลองสำโรงได้นมัสการองค์หลวงพ่อโต ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ที่ชาวจังหวัดสมุทรปราการให้ความเคารพนับถือ ซึ่งปกติชาวบ้านและผู้ที่มาร่วมนมัสการองค์หลวงพ่อโตทางเรือ จะแต่งตัวใส่เสื้อสีสันสวยงาม ทั้งสีชมพูและสีเหลืองเป็นลายดอกบัว

แต่ในปีนี้ผู้ที่มาร่วมงานต่างพากันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าโทนสีขาวดำ เนื่องประชาชนชาวไทยอยู่ในช่วงการไว้อาลัย ในช่วงการจัดราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พ่อหลวงของปวงชาวไทยทั้งประเทศ

ฃประเพณีรับบัวเป็นประเพณีที่แสดงถึงความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนต่างถิ่น ที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในอำเภอบางพลี และแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต ความผูกพันกับสายน้ำของชาวอำเภอบางพลีที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 จะมีการอัญเชิญหลวงพ่อโตจำลองลงเรือ แห่ไปตามลำคลองสำโรง เพื่อให้ประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณสองฝั่งคลอง และที่มาร่วมพิธีได้ร่วมสักการะบูชา โดยการโยนดอกบัวลงไปในเรือที่องค์หลวงพ่อโตประดิษฐานอยู่ ซึ่งมีความเชื่อกันว่า หากใครสามารถโยนดอกบัวลงไปในเรือที่องค์หลวงพ่อโตประดิษฐานอยู่ อธิษฐานสิ่งใดไว้ ก็จะประสบความสำเร็จดังหวัง

โดยสมัยก่อนหนุ่มสาวจะใช้การโยนดอกบัว เพื่อเสี่ยงทายเลือกคู่ครอง แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไปจากอดีต ประกอบกับการคมนาคมทางบกที่สะดวกมากขึ้น ทำให้วิถีชีวิตของชาวอำเภอบางพลีเริ่มเปลี่ยนไป

ดังนั้นเพื่อมิให้ประเพณีรับบัว มรดกทางวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวอำเภอบางพลีถูกลืมเลือนไป อำเภอบางพลี จึงได้ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน อนุรักษ์ประเพณีท้องถิ่นที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก แห่งเดียวในประเทศไทยไว้ ไม่ให้สูญหายและเป็นมรดกตกทอดให้คนรุ่นหลังต่อไป










