
หนุ่มซิ่งเก๋งเร็วแรงเต็มสูบ ก่อนเสยท้ายรถพ่วง 18 ล้อ เข้าอย่างจัง ร่างอัดก๊อปปี้พวงมาลัยดับคาที่ เลขเข็มไมล์ค้างที่ 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง คาดหลับใน
เมื่อวันที่ (24 ก.ย. 61) เวลา 20.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท. แดนชัย มูลป้อม สว.สอบสวน สภ.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถเก๋งชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ จอดริมถนน ที่บริเวณจุดกลับรถ บ้านนาทองคำ ถนนมิตรภาพ (ขอนแก่น-อุดรธานี) ฝั่งขาเข้าอุดรธานี ต.หนองไผ่ มีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในรถเก๋ง จึงออกไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิส่งเสริมธรรม
ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า อัลตีส สีขาว หมาย เลขทะเบียน กร 7092 ขอนแก่น อยู่ในสภาพชนท้ายรถบรรทุกพ่วงยี่ห้อ อีซุซุ สีขาว ตัวแม่ทะเบียน 70-2971 ราชบุรี ลูกพ่วงทะเบียน 70-2972 ราชบุรี ด้านหน้ารถเก๋งพังยับเยิน ภายในรถเก๋งพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือ นายอนุวัฒิ กุลดิลก อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 189 หมู่ 1 ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ถูกอัดก๊อปปี้เสียชีวิตคาพวงมาลัย เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างเหล็กออก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงนำร่างออกมาจากซากรถได้ พบคอหัก หน้าอกยุบ ขาหักทั้งสองข้าง ในกระเป๋าผู้ตายพบเงินสด 2,323 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทพร้อมจี้ 1 สลึง

โดบ นาย สุรพล ไชยเจริญ อายุ 49 ปี ชาวอุดรธานี ผู้เห็นเหตุการณ์ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนและครอบครัวนั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน ต่อมาก็ได้ยินเสียงคล้ายยางรถระเบิดเสียงดังสนั่น ตนจึงรีบวิ่งออกมาดูพบว่าเป็นรถเก๋งชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ ที่จอดอยู่ริมถนนมาตั้งแต่ตอนบ่าย ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้ง 191 เพื่อขอความช่วยเหลือ
เบื้องต้น พ.ต.ท.แดนชัย มูลป้อม รอง สว.สอบสวน สภ.โนนสูง เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่า โชเฟอร์รถบรรทุกพ่วง นำรถมาจอดเพื่อจะนำรถเข้าตรวจสภาพและต่อทะเบียนที่สำนักงานขนส่ง อุดรธานี ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กม. แล้วกลับไปบ้าน อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี เพราะเกรงว่าหากนำรถกลับไปบ้านด้วยจะเดินทางมาเข้าคิวตรวจสภาพไม่ทัน จึงได้จอดไว้บริเวณริมช่องจราจรซ้ายสุดของจุดกลับรถ ซึ่งมีไฟฟ้าส่องสว่าง

ขณะที่ผู้เสียชีวิตขับรถเก๋งมาด้วยความเร็วสูง เพราะเข็มไมล์หยุดชี้ที่เลข 170 จึงสันนิษฐานว่า ผู้เสียชีวิตมีอาการหลับในทำให้รถวิ่งออกนอกเส้นทางไปชนท้ายรถบรรทุกพ่วงที่จอดอยู่ริมถนนเข้าอย่างจัง จนเสียชีวิต จึงนำศพไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาล เพื่อรอญาติมาติดต่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี และจะเรียกโชเฟอร์รถบรรทุก และเจ้าของรถบรรทุกพ่วงมาสอบสวนเพราะจอดรถในที่ห้ามจอด และไม่มีเครื่องหมายเตือน เพื่อมาดำเนินคดีต่อไป









