
ประเด็นคือ – หนุ่มวัย 16 ปี เป็นลมชักลงไปวางเบ็ดหาปลาตามลำพัง ขณะผู้เป็นตาเห็นหลานชายหายไปนานออกตามหา ทั้งงม ทั้งเอาอวนลาก ก่อนพบเป็นศพจมน้ำเสียชีวิต
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 29 ต.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.วัลลภ พูลผล ร้อยเวร สภ.ขลุง ได้รับแจ้งว่ามีคนจมน้ำเสียชีวิตอยู่ในคลองข้างเพิงพัก บริเวณป่าชายเลน พื้นที่หมู่ 7 ต.บ่อ อ.ขลุง จ.จันทบุรี ขอให้ตำรวจเดินทางมาตรวจสอบ หลังรับแจ้ง ตำรวจพร้อมกำลังอาสาสมัครกู้ชีพขลุงมูลนิธิ ได้รุดไปที่เกิดเหตุ โดยทั้งหมดต้องลงเรือไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งห่างจากท่าเรือท่าสอนพื้นที่ชมหิ่งห้อย ประมาณ 2 กม. โดยใช้เวลานั่งเรือประมาณ 15 นาที

บ้านที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลน ลักษณะเป็นเพิงสังกะสี พบญาติๆ ผู้เสียชีวิตนั่งรอตำรวจอยู่จำนวนหนึ่ง ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิต เป็นชายวัยรุ่น ทราบชื่อ นายศราวุธ ตุ้มบุญนะ อายุ 16 ปี สภาพนอนหงาย ร่างกายไม่มีบาดแผล โดยญาติๆ ได้ช่วยกันนำร่างขึ้นมาจากน้ำ ก่อนที่ตำรวจจะเดินทางไปถึง พบ นายชัยทัศน์ ทวาเรศ อายุ 64 ปี ผู้เป็นตา พร้อมด้วย นางศิริลักษณ์ ทวาเรศ อายุ 37 ปี มารดาของผู้ตาย นั่งอยู่ข้างศพของลูกชาย ซึ่ง นางศิริลักษณ์ ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า นั่งร้องไห้อยู่ตลอดเวลา

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเบ็ดธง หรือเบ็ดดักปลาขนาดเล็กเสียบอยู่ริมคลอง จำนวนหลายอัน รวมทั้งลอบดักปลา และจากการสอบถาม นายถนอม ลือเลื่อง อายุ 52 ปี ผู้พบศพเล่าว่า ปกติตากับหลานจะไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นส่วนมาก แต่วันดังกล่าวหลานชายได้หายไปตั้งแต่ช่วงเช้า คาดว่าคงออกไปลงเบ็ด ลงลอบหาปลา แต่วันนี้หลานชายหายออกไปนาน ตาจึงออกตามหาเพื่อจะชวนหลานนำเรือออกหาปลา แต่ตะโกนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบ จนตาคาดว่าน่าจะเกิดเหตุร้ายกับหลาน ซึ่งหลานชายมีโรคประจำตัว เป็นลมชัก ต้องทานยาทุกเช้าเป็นประจำ จึงตามชาวบ้านออกช่วยตามหา ทั้งลงงม ทั้งเอาอวนลาก ในบริเวณที่คิดว่าหลานชายจะจมอยู่ โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชม. จนกระทั่งสังเกตเห็นคันเบ็ดปักอยู่บริเวณริมน้ำ จึงลงงมในบริเวณดังกล่าว พบร่างหลานชายจมอยู่ใต้น้ำ ในบริเวณดังกล่าว ตากับชาวบ้านจึงช่วยกัน นำร่างขึ้นมาจากน้ำ ก่อนโทรแจ้งตำรวจมาทำการตรวจสอบดังกล่าว
จากนั้นตำรวจได้ทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ก่อนมอบศพให้กู้ชีพขลุงมูลนิธินำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นเรือ นำส่งต่อไปยังรถยนต์ที่ท่าเรือบ้านท่าสอน ก่อนส่งต่อไปยัง รพ.ขลุง เพื่อให้แพทย์ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง









