หนุ่มโมโหถ่ายคลิปจราจรจับลูกวัย 3 ขวบไม่ใส่หมวกกันน็อกเข้าพบตำรวจ ยอมรับผิดเข้าใจไปเองว่าเด็กไม่ต้องใส่ เสียค่าปรับ 200 บาทและขอโทษตำรวจจราจรคู่กรณีแล้ว ด้าน ผกก.สน.บางขุนนนท์ ระบุกรณีโพสต์ลงโซเชียลมีเดียขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาจะเอาเรื่องหรือไม่
จากกรณีที่เพจ”ด่านไม่ลอย-ด่านตั้งพื้น”ได้โพสต์คลิปวีดิโอพร้อมข้อความว่า “จับเด็กน้อย 3 ขวบไม่สวมหมวกกันน็อก พอชี้ให้จับคนอื่นด้วยก็ไม่จับ ผมไปส่งลูกโรงเรียนอนุบาล รหัสตำรวจ xxxx สน.บางขุนนนท์” โดยภาพคลิปวีดิโอเป็นการโต้เถียงกันระหว่างผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ว่าเหตุใดจึงจับเด็กอายุ 3 ขวบที่ไม่สวมหมวกกันน็อก ขณะที่ตำรวจจราจรนายดังกล่าวก็อธิบายถึงข้อกฎหมายให้ฟัง แต่คนขับขี่รถจักรยานยนต์ก็ยังมีข้อคิดเห็นแย้งกลับไปและจะแจ้งความข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กับเจ้าหน้าที่นายดังกล่าว โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ห้องเปรียบเทียบปรับของ สน.บางขุนนนท์
เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ต.อ.สำเริง อําพรรทอง ผกก.สน.บางขุนนนท์ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะจับเด็ก 3 ขวบปรับในข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย แต่ต้องการที่จะจับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวที่ไม่จัดหมวกกันน็อกให้กับเด็กอายุ 3 ขวบ ซึ่งประสงค์เพียงแค่ตักเตือนเท่านั้น ไม่ได้จะดำเนินการให้ใบสั่งหรือเปรียบเทียบปรับ โดยส่วนหนึ่งเป็นห่วงความปลอดภัยของหนูน้อยอายุ 3 ขวบที่ซ้อนท้ายมาด้วย
ระหว่างที่มีการตั้งด่านตรวจอยู่นั้นได้ตักเตือนให้หาหมวกกันน็อกมาให้กับหนูน้อยคนดังกล่าวแต่เกิดการโต้เถียงกันขึ้น จึงเชิญตัวมาที่ สน.เพื่อทำความเข้าใจ แต่คนขี่รถจักรยานยนต์ก็ยังคงโต้เถียง และนำโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพดังกล่าว เบื้องต้นได้สั่งการให้ตำรวจไปเชิญตัวผู้ถ่ายคลิปดังกล่าวมาให้ข้อมูลถึงเหตุการณ์ที่แท้จริงทั้งหมด เพื่อฟังทั้ง 2 ฝ่าย ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมหากพบว่าตำรวจจราจรนายดังกล่าวทำผิดจริงก็จะดำเนินการลงโทษตามขั้นตอนต่อไป
ต่อมา เวลา 14.00 น. นายพพพิพัฒน์ ใจใส อายุ 45 ปี หนุ่มที่ถ่ายคลิปเดินทางเข้าพบ ผกก.สน.บางขุนนนท์ เพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าว และกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนทำงานเป็นแมสเซนเจอร์วิ่งส่งอะไหล่รถ ในช่วงเช้าก็จะมาวิ่งวินจักรยานยนต์หน้าโรงรับจำนำบางขุนนนท์ เพื่อหารายได้เพิ่ม หลังจากที่ได้โพสต์เรื่องดังกล่าวลงโซเชียลมีเดีย แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน เสียงเตือนดังตลอดทั้งคืน ทั้งเฟซบุ๊กทั้งไลน์ ทั้งเข้ามาสอบถามและต่อว่า ตนต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่นำเรื่องดังกล่าวไปโพสต์เพราะคิดว่าตนไม่ผิด คิดว่าเด็กไม่ต้องใส่หมวกกันน็อกก็ได้ จนได้รับการอธิบายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเข้าใจและรับทราบข้อกล่าวหาไปเรียบร้อย พร้อมทั้งจ่ายค่าปรับไป 200 บาท ที่ทำไปเพราะความโมโหและเป็นการโพสต์ในกลุ่มเพื่อน ไม่คิดว่าจะกระจายไปขนาดนี้จึงอยากขอโทษอีกครั้ง และตนจะเข้าไปโพสต์ขอโทษในโซเชียลเช่นกัน
ด้านพ.ต.อ.สำเริง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความห่วงใยในความปลอดภัย เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุเด็กจะหนักกว่าผู้ใหญ่ หลังจากพูดคุยเข้าใจกันด้วยดี ผู้กระทำผิดก็ได้ทำความเข้าใจกับตำรวจผู้จับกุมและขอโทษเป็นที่เรียบร้อย ส่วนที่นำเรื่องนี้ไปโพสต์จนเกิดความเสียหายจะมีการดำเนินคดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับทางผู้บังคับบัญชา พร้อมกันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มอบหมวกกันน็อกให้กับนายพรพิพัฒน์ นำไปใส่ให้ลูกเวลาเดินทางด้วยเพื่อความปลอดภัย
