
หนุ่มไทยเดินทางไปทำการุณยฆาตที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลังป่วยเป็นเนื้องอกในสมองนานกว่า 10 ปี ผ่านการผ่าตัดสมองมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ยังไม่หายขาด จึงตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้พ่อและแม่ต้องมาคอยดูแลหากผ่าตัดอีกครั้งแล้วต้องเป็นเจ้าชายนิทรา
ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อ Vis Arshanakh ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวตั้งแต่เมื่อวานนี้เป็นโพสต์สุดท้าย โดยระบุว่าตนเองอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กำลังจะรับยาและจากไปอย่างถาวรจากการทำการุณยฆาต โดยระบุว่าเหตุผลที่ตนเองตัดสินใจทำการุณยฆาตนี้ เพราะไม่อยากให้พ่อและแม่ต้องมาคอยดูแล หากการผ่าตัดครั้งต่อไปทำให้ต้องเป็นอัมพาตหรือกลายเป็นเจ้าชายนิทรา
เจ้าของเฟซบุ๊กคนดังกล่าว ได้เคยเขียนเล่าเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของตัวเองไว้ โดยระบุว่าตนเองมีอาการป่วยเป็นเนื้องอกในสมองมากว่า 10 ปีแล้ว และได้ทำการผ่าตัดเนื้องอกในสมองมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ก็ยังไม่หายขาด และตั้งแต่หลังผ่าตัดครั้งแรก ตนเองก็ไม่สามารถมีร่างกายที่แข็งแรงเช่นเดิมได้อีก ต้องเปลี่ยนงานอยู่หลายครั้ง ทิ้งความฝันที่จะมีครอบครัว อีกทั้งเงินเก็บที่มีก็หมดไปกับการรักษา
และสุดท้ายจึงเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองลง โดยการเดินทางไปที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งการทำการุณยฆาต หรือก็คือการฆ่าตัวตายอย่างสงบโดยมีแพทย์ช่วยเหลือ ถูกกฎหมาย โดยโพสต์สุดท้ายที่เจ้าของเฟซบุ๊กคนดังกล่าวโพสต์ คือเมื่อเวลา 5 โมงเย็นของเมื่อวานนี้ (1 มี.ค.)
โดยเจ้าตัวได้บอกเล่าผ่านประสบการณ์ ว่ามีอยู่ 2 ข้อที่เวลาไปเยี่ยมคนป่วยแล้วไม่ควรพูดคือคำว่า “เดี๋ยวก็หายแล้ว” และ “สู้ สู้” ใจความบอกว่า
มีอยู่ 2 ข้อที่เวลาเราไปเยี่ยมคนป่วยแล้วไม่ควรพูด
โดยเฉพาะคนที่ป่วยหนักหรือเป็นโรคระยะยาว
ตัวผมเองนั้นป่วยเป็นโรคร้ายแรงถึงชีวิต
ทั้งจากส่วนตัว และที่ได้พูดคุยกับผู้ป่วยท่านอื่นๆ
สรุปได้ว่ามีอยู่ 2 ข้อความที่คนป่วยได้ฟังแล้ว
1. “เดี๋ยวก็หายแล้ว”
ข้อความนี้บั่นทอนความรู้สึกได้ดีมาก
รวมถึงสามารถทำให้คนป่วยที่อารมณ์ดีๆอยู่
รู้สึกเซ็งขึ้นมาได้ในบัดดล
2. “สู้ สู้”
คำนี้คือแบบว่า …
ไม่บอกดีกว่าครับ เดี๋ยวโดนด่าแรง 555
แต่เอาเป็นว่าคำนี้ เอาไว้พูดให้กำลังใจ
กับคนที่กำลังวิ่งตามรถเมล์ให้ทันดีกว่าครับ
ไม่เหมาะเอามาพูดกับผู้ป่วย









