
ญาติคาใจป่วยท้องเสียเข้าโรงพยาบาล หมอให้ไปซื้อยารักษาพยาธิหมาจากภายนอกมาใช้ ภายหลังผู้ป่วยตาย ด้านแพทย์เจ้าของไข้ยืนยันยาใช้ด้วยกันได้ ขอตรวจละเอียดว่าเสียชีวิตจากเหตุใด
กรณีโรงพยาบาลในจังหวัดอ่างทองให้ญาติผู้ป่วยไปซื้อยาฆ่าพยาธิสุนัขยี่ห้อหนึ่ง แล้วบดผสมกับน้ำแล้วให้ญาติกรอกผู้ป่วยทางสายยาง อ้างเป็นยาใช้รักษาโรคพยาธิในตับ ก่อนที่ผู้ป่วยจะแน่นิ่งและปั๊มหัวใจขึ้นมาได้ แต่อาการกลับแย่ลงและเสียชีวิตในวันต่อมา

นาง ประภาพร เกตุเม้า อายุ 58 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ต.ค. นายแสวง เกตุเม้า อายุ 60 ปี สามีเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทองจากอาการท้องเสีย แพทย์ตรวจร่างกายให้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และแจ้งว่าป่วยเป็นโรคพยาธิในตับ หลังจากการรักษาไปประมาณ 1 สัปดาห์อาการก็ยังไม่ดีขึ้น จนกระทั่งแพทย์เจ้าของไข้มาตรวจ และบอกกับตนว่าพยาธิที่อยู่ในร่างกายสามียาที่มีอยู่ไม่สามารถรักษาได้ให้ญาติไปซื้อยาฆ่าพยาธิของสุนัขมาให้โดยจดชื่อตัวยามาให้ด้วย
ตนได้ถามก่อนแล้วว่ายาของหมาจะใช้กับคนได้หรือ แต่แพทย์แจ้งว่าให้ไปซื้อมา ตนเองเชื่อหมอจึงให้หลานไปซื้อมา 2 กล่อง เนื่องจากกล่องหนึ่งมี 10 เม็ดแต่หมอบอกว่าจะต้องใช้ 14 เม็ด หลังจากซื้อมาแล้วก็นำมาให้โรงพยาบาลซึ่งพยาบาลก็นำไป 1 กล่อง ไปบดผสมน้ำ ก่อนมาให้ตนกรอกทางสายยาง หลังจากกรอกยาไปสักพักปรากฏว่าสามีตนแน่นิ่งไป จนพยาบาลต้องเร่งตามแพทย์เจ้าของไข้มาปั๊มหัวใจแต่อาการกลับแย่ลง และสุดท้ายขอออกจากโรงพยาบาลและมาเสียชีวิตที่บ้าน ทั้ง ๆ ที่ตอนไปก็ยังเดินไปด้วยกันแท้ ๆ แต่กลับต้องมาเสียชีวิตโดยแพทย์ชันสูตรระบุว่าติดเชื้อในกระแสเลือด จึงสงสัยทำไมแพทย์จึงใช้ยาของสุนัขกับคน อยากจะให้ทางโรงพยาบาลออกมาชี้แจงและรับผิดชอบ

ล่าสุด วันนี้ (9 พ.ย.) แพทย์หญิงดรุณี งามภูพันธ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลอ่างทอง ยอมรับว่าเป็นแพทย์เจ้าของไข้ และได้สั่งยารักษาพยาธิตัวกลมให้คนไข้จริง ซึ่งฉลากยาอาจระบุใช้เฉพาะสุนัขและแมว แต่ความจริงแล้วสามารถใช้ได้ทั้งในคนและสัตว์
“ยาตัวนี้ชื่อ Ivermectin (ไอเวอร์เมคติน) เป็นยาที่ใช้รักษาพยาธิตัวกลมทั้งในคนและในสัตว์ แม้ว่าสลากยาระบุใช้กับแมวและสุนัข แต่จริงๆ แล้วเป็นยาตัวเดียวกับที่รักษาคน ส่วนที่ต้องให้ไปซื้อจากภายนอก เพราะโรงพยาบาลไม่มียาตัวนี้และได้ใช้ยาตัวอื่นที่มีไปแล้วไม่ได้ผล เลยต้องหายาตัวนี้มาใช้”
ส่วนการใช้ยาตัวนี้เป็นสาเหตุทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตหรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเพราะผู้เสียชีวิตมีประวัติป่วยจากหลายโรค









