
หมู่บ้านชายทะเลนราธิวาส ถูกพายุปาบึกถล่มบ้านพังกว่า 30 หลัง อบต.เร่งสำรวจความเสียหายและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น ขณะที่คลื่นสูงกว่า 4 เมตร
วันที่ 4 ม.ค. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์คลื่นลมแรง ผลจากพายุปาบึกถล่มชายหาดบ้านทอน ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส เมื่อช่วงเวลา 02.30 น.วันที่ 4 ม.ค.62 ที่ผ่านมา พบว่า ที่หมู่บ้านทอนฮีเล ม.10 ต.โกเคียน อ.เมืองนราธิวาส มีบ้านเรือนของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมทะเลบริเวณดังกล่าวจำนวนกว่า 30 หลัง ถูกลมกระโชกแรงพัดขึ้นฝั่งจนกำบังลมล้มพังเข้าพัดหลังคาบ้านเรือนของชาวบ้านจนหลังคาบ้านปลิวว่อน

ลมและฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้ห้องนอน ห้องครัว และห้องโถงบ้านของ นายอูเซ็ง บินตาเย๊ะ อายุ 75 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 393/1 ม.10 บ้านทอนฮีเล ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส ต้องรีบลุกขึ้นจากที่นอน นำกะละมัง ถาด หม้อ เพื่อรองน้ำฝนจนทั่วพื้นบ้าน พร้อมกับรีบยกที่นอน ผ้าห่ม หมอน ออกจากห้องนอนอย่างเร่งด่วน

นายอูเซ็ง บินตาเย๊ะ เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเวลา 12.30 น. เกิดลมกระชากพัดขึ้นฝั่งอย่างแรง จนกำบังลมที่สร้างไว้ที่หน้าบ้านพังและล้มลง ทำให้ลมและฝนปะทะเข้ามายังบ้านตนอย่างรุนแรง จนกระเบื้องหลังคาบ้านที่บริเวณหน้าบ้านและห้องนอนเปิดปลิวว่อนไปเกือบ 20 แผ่น เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมาก แต่ยังโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

ด้าน นายรุสลัน อารง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส พร้อมคณะ ได้ออกตรวจสอบทั้งตำบลโคกเคียนพบว่า บ้านเรือนของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณริมทะเลบ้านทอนได้รับความเสียหายกว่า 30 ครัวเรือน จากทั้งหมอ 60 หลังคาเรือน

นายก อบต.โคกเคียน เปิดเผยว่า พื้นที่ ม.3 ม.5 และ ม.11 ได้รับรายงานว่า มีบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหายไปบางส่วน โดยเฉพาะกระเบื้องหลังคาบ้าน จำนวน 30 ครัวเรือน เบื้องต้นได้ออกมาสำรวจและแจ้งไปยังอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อทราบแล้ว พร้อมจัดทีมงานลงพื้นที่นำกระเบื้องหลังคาบ้านมามอบให้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นก่อน พร้อมทั้งเกนชาวบ้านมาร่วมกันซ่อมแซม ส่วนเรื่องอื่นๆ หรือการเยียวยาให้ชาวบ้าน หรือที่เกินความสามารถของ อบต. ก็จะรายงานไปยัง ปภ.และจังหวัดต่อไป

สำหรับพื้นที่โคกเคียนนั้น จะมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับลมพายุเช่นนี้อยู่ในทุกๆ ปี เพราะอยู่ในพื้นที่ริมทะเล แต่พี่น้องประชาชนเองก็คุ้นเคยในเหตุการณ์เหล่านี้ดี และยังสามารถปรับความเป็นอยู่กับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี แต่ทางการเองก็ต้องให้ข้อมูลต่างๆ ให้รอบด้านกับชาวบ้าน เพื่อความไม่ประมาทเรื่องความเป็นอยู่ และคอยดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยทุกฝ่ายได้เตรียมการรับมือพายุปาบึกมาเป็นลำดับ จึงลดความสูญเสียได้มาก

สำหรับบรรยากาศโดยทั่วไปในพื้นที่ จ.นราธิวาส ล่าสุดฝนได้หยุดตกมาตั้งแต่เช้าตรู่ แต่สภาพทั่วไปฟ้าปิด ยังคงมีเมฆฝนปกคลุมทั่วทั้ง 13 อำเภอ อากาศค่อนข้างเย็น ส่วนชาวประมงในพื้นที่เองยังคงงดออกทะเลไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากคลื่นลมในทะเลสูง 3 – 4 เมตร ลมแรง ชาวประมงบางรายได้ออกมาดูแลเรือและเครื่องยนต์เพื่อรอฟ้าเปิดและคลื่นลมสงบเป็นปกติแล้วจะได้ออกทะเลได้ทันที









