
ประเเด็นคือ – ที่ จ.ชุมพร เกิดเหตุสลด พระภิกษุผูกคอมรณภาพภายในกุฏิ หนีโรคมะเร็งลำคอระยะสุดท้าย ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา เผย กำลังรอ พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพพระสงฆ์ ซึ่งเมื่อออกมาบังคับใช้แล้วสามารถที่จะดูแลด้านสุขภาพและโภชนาการอาหารของพระภิกษุสงฆ์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคภัยต่างๆ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 ม.ค.61 ร.ต.อ.รณชัย กาญจนภักดิ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.สวี จ.ชุมพร ได้รับแจ้งว่า มีพระสงฆ์ผูกคอภายในกุฏิวัดเชิงคีรี หมู่ 5 ต.ปากแพรก อ.สวี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบพร้อม พ.ต.ท.สายัญห์ จันทรมาศ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สวี และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์เขตสวี รุดไปตรวจสอบ
วัดดังกล่าวอยู่ริมถนนสาย 2010 ปากแพรก-บ้านต้นหว้า พบพระสงฆ์ ชาวบ้านญาติโยมจำนวนหนึ่ง มุงดูเหตุการณ์อยู่หน้ากุฏิปูนชั้นเดียวขนาดเล็กปลูกอยู่ริมเชิงเขา ด้านในพบศพพระสงฆ์ ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ พระสานนท์ ดำคำ ผูกคอด้วยเชือกถักสีเหลือง มรณภาพอยู่กลางห้องสภาพนุ่งสบง สวมอังสะอยู่ในท่าคุกเข่า มีเลือดไหลนองออกทางปากคาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 ชม.

ตรวจสอบภายในกุฏิพบเครื่องใช้ส่วนตัววางอยู่เกลื่อนทั่วห้อง และยังพบยารักษาโรคมะเร็งจากโรงพยาบาลสุราษฏร์ธานีบรรจุอยู่ภายในถุงหิ้ว วางอยู่ใกล้ศพติดกับเตียงนอนจำนวนหนึ่ง ต่อมาพระสมปอง ดำคำ ซึ่งเป็นพระน้องชายอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย เล่าว่า พระสานนท์บวชเป็นพระมาแล้ว 11 พรรษา แต่ได้จำพรรษาเป็นพระลูกวัดอยู่ที่วัดเชิงคีรี 2 ปีเท่านั้น ซึ่งต่อมาได้ทราบว่าเป็นมะเร็งที่ลำคอระยะสุดท้าย
ตนเองก็หมั่นเข้ามาเยี่ยมดูแลอย่างใกล้ชิดที่กุฏิเป็นประจำ จนกระทั่งเช้าวันเดียวกันตนพบพระพี่ชายเป็นครั้งสุดท้ายตอนประมาณ 06.00 น. และกลับมาแวะหาอีกครั้งตอน 08.45 น. หลังฉันเช้าเสร็จ แต่พบว่าผูกคอมรณภาพแล้ว ด้านพ.ต.ท.สายัญห์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สวี เปิดเผยว่า พระสานนท์ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เดินทางไปรักษามะเร็งที่ศูนย์โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีเป็นประจำ ก่อนคิดสั้นคงเกิดอาการเครียด เนื่องจากไม่อยากเป็นภาระจึงตัดสินใจผูกคอหนีโรคร้ายดังกล่าว
ส่วนนางสาวสุวรรณี แก้วมณี ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังรอ พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพพระสงฆ์ ซึ่งเมื่อออกมาบังคับใช้แล้วสามารถที่จะดูแลด้านสุขภาพและโภชนาการของอาหารพระภิกษุสงฆ์ได้มากกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับความรู้ความเข้าใจของพุทธศาสนิกชนเองด้วยว่าอาหารประเภทไหนเหมาะสมกับพระภิกษุสงฆ์ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อสุขภาพ

ขณะเดียวกันด้านพระภิกษุสงฆ์เองก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธรับบิณฑบาตของพุทธศาสนิกชนที่นำอาหารมาถวายได้เช่นกัน จึงเป็นสาเหตุหนึ่งในการสุ่มเสี่ยงของการเกิดโรคภัยต่างๆ ได้ นางสาวสุวรรณี กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะอยู่ในที่เกิดเหตุภายในวัดดังกล่าวได้มีสุนัขภายในวัดจำนวนหลายตัวได้ส่งเสียงเห่าหอนเป็นระยะ สร้างความสะพรึงกลัวขนลุกขนพองให้กับชาวบ้านที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุเป็นอย่างมาก









