หลอกแม่เด็กพิการทางสมอง อ้างจะช่วย แต่กลับเชิดเงินหนี

ประเด็นคือ – แม่เด็กชายป่วยพิการทางสมอง ที่จ.พิษณุโลก ร้องทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ถูกหญิงแอบอ้าง จะส่งเงินบริจาค แต่กลับหลอกให้โอนเงิน อ้างเป็นค่าเอกสาร สูญกว่า 26,000 บาท

ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ได้รับแจ้งจากนางลำไพ ทัดดวง อยู่บ้านเลขที่ 287 หมู่ 3 ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลกว่า ถูกบุคคลแอบอ้างจะส่งเงินบริจาคมาช่วยเหลือลูกชาย ด.ช.ทิติวัฒน์ เพชทอง หรือ น้องกล้วย อายุ 5 ขวบ  ซึ่งป่วยพิการทางสมองและมีโรครุมเร้าหลายโรคแต่กลับหลอกให้โอนเงินไปกว่า 26,500 บาทก่อนหายตัวไป

นางลำไพ เล่าว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา มีผู้หญิงคนหนึ่งใช้เบอร์โทรศัพท์ 091-868-4719 โทรมาแนะนำตัว และบอกว่า มีน้องสาว เปิดมูลนิธิช่วยเหลือเด็กพิการอยู่ที่ประเทศเยอรมนี ต้องการช่วยเหลือน้องกล้วย โดยรวบรวมเงินได้แล้ว 1,070,000 บาท โดยอ้างเหตุผลว่า อยากให้ได้รับเงินยอดเต็ม ขอให้โอนเงินเป็นค่าดำเนินการทางเอกสารไปให้ ด้วยความที่ต้องการเงินมาช่วยลูก จึงตกลงโอนเงินไปให้ โดยครั้งแรก เมื่อวันที่ 19 ก.ย. จำนวน 16,900 บาท โดยให้ผู้หญิงคนดังกล่าวให้โอนเงินเข้าบัญชี ที่ใช้ชื่อว่า วาสนา สีเป้ด บัญชีออมทรัพย์ 6187072076 ธนาคารกรุงเทพ

หลังจากนั้น ผู้หญิงคนเดิมได้ติดต่อกลับมาอีกครั้ง บอกว่า มีผู้บริจาคเงินให้น้องกล้วยเพิ่มอีก 300,000 บาท โดยจะโอนมาให้พร้อมยอดแรก แต่ต้องใช้ค่าเอกสารเพิ่ม ตนจึงโอนเงินไปให้อีก 3 ครั้ง จำนวน 4,000 / 2,700 และ 2,900 บาท เมื่อโอนให้ครบก็ไม่สามารถติดต่อผู้หญิงคนนั้นทางเบอร์โทรศัพท์ที่เคยติดต่อมาได้อีกเลย รวมทั้ง เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Nampurng Sp ที่เคยใช้ติดต่       

      ( เฟซบุ๊ก ชื่อ Nampurng Sp หญิงที่อ้างตัวจะช่วยน้องกล้วย ใช้ติดต่อกับนางลำไพ ) 

อย่างไรก็ตามนางลำไพ ไม่มั่นใจว่า ผู้หญิงที่โทรมาหลอกเงินครั้งนี้ คือ ใครกันแน่ เนื่องจากแนะนำตัวชื่อหนึ่ง แต่บัญชีที่ให้โอนเงิน เป็นบัญชีที่ใช้ชื่อว่า วาสนา สีเป้ด ตนจึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีความคืบหน้า โดยตำรวจระบุ ต้องใช้เวลาตรวจสอบข้อมูลก่อน

( เอกสารที่นางลำไพ ไปแจ้งความไว้ที่สภ.เมืองพิษณุโลก เมื่อ 14 ต.ค.60 )

โดยต่อมา มีบุคคลที่ช่วยเหลือน้องกล้วย ได้ช่วยตรวจสอบข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนพบว่า บุคคลที่ชื่อว่า วาสนา สีเป้ด เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของจังหวัดภูเก็ต และอยู่ระหว่างหลบหนีคดี จึงอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ เพราะตนไม่หวังแล้วว่า จะได้เงินคืน แต่ไม่อยากให้ใครต้องตกเป็นเหยื่อเช่นนี้อีก