กระทรวงการคลัง เชิญชวนผู้สูงอายุที่มีฐานะมั่นคงสละเบี้ยยังชีพที่ได้รับรายเดือนให้ผู้มีรายได้น้อยกว่า ชี้มีผู้อยู่ในเกณฑ์กว่า 4 ล้านคน หากสละสิทธิครึ่งหนึ่ง สามารถเพิ่มเบี้ยให้ผู้สูงอายุคนอื่นได้จาก 600 บาทเป็น 1 พันบาท
วันที่ 30 ม.ค. นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดตัวโครงการ “เกื้อกูลผู้สูงวัย สังคมไทยน่าอยู่” เพื่อเชิญชวนให้ผู้ที่มีความพร้อมหันมาช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนกว่า โดยเฉพาะการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการให้ผู้ที่มีฐานะมั่นคงสละเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ได้รับรายเดือน
เงินที่ได้จะนำไปจ่ายเป็นเงินช่วยเหลือการยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยกว่า 4.6 ล้านคน ในจำนวนนี้ 90% หรือ 3.9 ล้านคนอยู่ในภาวะยากจนและมีความเป็นอยู่อย่างขัดสน จำนวน 2 ล้านคนไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง จำนวน 1.4 ล้านคนเป็นผู้มีหนี้สิน และจำนวน 3.4 แสนคนเป็นผู้พิการ
จากข้อมูลในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุประมาณ 11 ล้านคน เป็นผู้ได้รับเบี้ยยังชีพ 9 ล้านคน ประเมินแล้วมีผู้มีศักยภาพที่จะเสียสละเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้แก่ผู้ที่เดือดร้อนกว่า 4 ล้านคน กระทรวงการคลังจึงประสานกับสมาคมธนาคารไทย และสภาสถาบันการเงินของรัฐ ให้เป็นช่องทางในการแจ้งรับบริจาค
นายอภิศักดิ์ ระบุว่า หากมีผู้สละเบี้ยผู้สูงอายุ ไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน จะช่วยให้รัฐบาล สามารถจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุได้เพิ่มขึ้น จากเดือนละ 600 บาท เป็น 1 พันบาท
สำหรับผู้ต้องการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุสามารถนำบัตรประชาชนไปแจ้งได้ที่ธนาคาร หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยผู้ร่วมโครงการในช่วง 2 เดือน ระหว่าง 1 ก.พ.-31 มี.ค.62 จะได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งเหรียญพระคลังเชิดชูเกียรติ และสิทธิลดหย่อนภาษี
