
ประเด็นคือ – ครอบครัวของชายหนุ่มวัย 40 ปี ที่ถูกอดีตครูเศรษฐีนีชาว จ.เลย แจ้งความจับ อันเนื่องมาจากถูกหลอกคบหาและจดทะเบียนสมรส สูญเงินไป 7 ล้าน ปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับเงิน 7 ล้าน ยืนยันทั้งสองฝ่ายคบหากันจริง และครูก็เคยมาอาศัยอยู่ที่บ้านที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
วันที่ 30 ก.ย. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีอดีตครูวัย 56 ปี และเป็นเศรษฐีนีเจ้าของรีสอร์ทใน จ.เลย ออกมาร้องเรียนว่าถูกชายหนุ่มวัย 40 ปี ชาว จ.สงขลา หลอกคบหาและจดทะเบียนสมรสด้วยกัน แต่กลับถูกหลอกเงินไป 7 ล้าน และอ้างว่ามีครูอีกหลายคนที่ถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่บ้านพักของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ปรากฏว่าไม่พบเจ้าตัว มีเพียงพ่อและน้องสาวอยู่ภายในบ้านเท่านั้น และใช้ชีวิตตามปกติ รวมทั้งบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนให้ฟัง แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อหรือแสดงตัว

โดยน้องสาวของผู้ถุกกล่าวหา เปิดเผยว่า เรื่องนี้ไม่เชื่อว่าจะมีการหลอกลวง เพราะก่อนเกิดเรื่องครูก็มาอาศัยอยู่ที่บ้านที่ อ.หาดใหญ่ เพิ่งเดินทางกลับและตนก็เป็นคนส่งเสื้อผ้าไปให้ ส่วนเรื่องการพนัน ยืนยันว่า แม้พี่ชายจะพาครูไปเล่น แต่ระยะหลังครูก็ไปเล่นการพนันในประเทศเพื่อนบ้านเองด้วย แต่หลังจากที่ทั้งสองมีปัญหาเรื่องเงิน ความสัมพันธ์เริ่มสั่นคลอน และพี่ชายตีตัวออกห่าง จึงเป็นไปได้ว่าครูอาจจะโกรธ จึงเข้าแจ้งความว่าถูกพี่ชายหลอกเงิน 7 ล้าน
น้องสาวของผู้ถูกกล่าวหายังเปิดเผยอีกว่า ในส่วนของเรื่องเงิน 7 ล้านนั้น ทางบ้านไม่รู้เรื่อง เพราะพี่ชายก็ไม่เคยนำมาให้ ที่ผ่านมาก็ส่งเงินมาช่วยเหลือครอบครัวบ้างแต่ไม่ได้มาก เพราะครอบครัวขณะนี้ก็ค่อนข้างลำบาก รถยนต์กำลังถูกยึด บ้านยังผ่อนไม่หมด และเพิ่งเอาแหวนไปจำนำ หากพี่ชายหลอกเงินมาให้ทางบ้านครอบครัวต้องอยู่อย่างสบายกว่านี้
ส่วนจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างครูกับพี่ชาย น้องสาวเล่าว่า แม่เป็นคนแนะนำให้พี่ชายรู้จักกับครู เนื่องจากมีการติดต่อเรื่องการขายเครื่องสำอางด้วยกัน ส่วนเรื่องการจดทะเบียนสมรสก็เป็นเพราะช่วงหลังมีผู้หญิงมาอ้างว่าเป็นเมียของพี่ชายอีกคน ครูจึงต้องการจดทะเบียนสมรสเพื่อให้เป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งพี่ชายก็ยินดีไปจดเพื่อให้มั่นใจว่า ไม่เคยมีลูกมีเมียมาก่อน









