
พระครูโสภณ จริยานุวัตร เจ้าอาวาสวัดนาปราบ
แก๊งมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจ ออกอุบายขอยืมเงินเพื่อไปรับเบี้ยเลี้ยงทางสามจังหวัดชายแดนใต้ก่อนชิ่งเงินหนี เจ้าหน้าที่พบก่อเหตุทั่วภาคเหนือ
วันที่ 4 ก.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูโสภณ จริยานุวัตร อายุ 80 ปี เจ้าอาวาสวัดนาปราบ ต.นายาง อ.สบปราบ จ.ลำปาง เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท. เมธี ยั่งยืน สว.สอบสวน สภ.สบปราบ หลังวันที่ 2 ก.ย. 61 เวลา 14.00 น. มีชายหญิงคู่หนึ่ง ขับรถเก๋งฮอนด้าสีขาว ทะเบียน 3279 จำหมวดอักษร จังหวัดและรุ่นไม่ได้ เข้ามาหาเจ้าอาวาสและถวายน้ำส้มให้ โดยอ้างว่าเป็นตำรวจอยู่ที่ สภ.สบปราบ แล้วขอยืมเงินหลวงพ่อไปจำนวน 10,000 บาทแล้วหลบหนี

โดยผู้ก่อเหตุมากันสองคน ผู้หญิงรูปร่างขาวท้วมแต่งตัวดีผมสีทองตัดสั้นเกรียน สวมกางเกงคล้ายกับสีกากี และผู้ชายแต่งกายครึ่งท่อน คล้ายกับตำรวจ โดยชายคนนี้ อ้างตัวกับหลวงพ่อว่าเป็นตำรวจยศนายร้อย อีกทั้งชายคนดังกล่าวได้บอกเจ้าอาวาสว่าจะต้องเดินทางไปที่ จ.นราธิวาส เพื่อไปรับเบี้ยเลี้ยง ซึ่งต้องรีบไปซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางแต่เงินไม่พอ จึงอยากยืมเงินหลวงพ่อจำนวน 10,000 บาท และจะรีบนำมาคืน ซึ่งทางหลวงพ่อเห็นว่าเป็นตำรวจพร้อมทั้งเกิดความสงสารจึงหยิบเงินให้ไป โดยไม่ได้ถามชื่อหรือเบอร์โทรศัพท์ไว้ซึ่งก่อนไปชายคนนี้ยังถามหลวงพ่อว่าชอบฉันท์สตอหรือไม่ ถ้าชอบพรุ่งนี้จะนำมาฝาก
หลังชายหญิงคู่นี้กลับไปแล้วหลวงพ่อก็ได้รับไลน์จากเพื่อนพระด้วยกันว่า ให้ระวังมิฉาชีพอ้างตัวเป็นตำรวจและหลอกยืมเงิน พยายามก่อเหตุที่วัดบอมหลวง, วัดบ้านเด่น และวัดพระบาทแม่ไทย ใน อ.แม่ทะ แต่วัดต่างๆ ได้รับการเตือนภัยทางไลน์ของเจ้าคณะ อ.แม่ทะ จึงไม่มีวัดใดให้ยืมเงิน โดยพบว่าเมื่อวัดที่ไปขอยืมเงินไม่ให้ยืมเงิน ชายหญิงคู่นี้จะนำของที่ถวายให้พระคืนกลับไปด้วย

หลังได้รับเรื่องตำรวจ ได้แจ้งสกัดรถเก๋งที่มีลักษณะตรงกับที่รับแจ้งผ่านจุดตรวจ ของ สภ.เถิน โดยพบว่าภายในรถมีชายสองคนหญิงสองคน อ้างตัวกับตำรวจประจำด่านว่าเป็นนายทหารกำลังรีบเดินทางไปปฏิบัติราชการ และรีบขับรถออกไปจากด่านตรวจอย่างเร่งด่วน
เบื้องต้นตำรวจได้วิทยุสกัดจับรถคันดังกล่าวแต่ไร้วี่แวว คาดว่าคนร้ายกลุ่มนี้น่าจะยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.ลำปาง โดยผู้ต้องสงสัยมีทั้งหมด 4 คน เป็นชาย 2 คน และหญิงอีก 2 คน จากการสืบสวนพบว่าแก๊งคนร้ายได้ร่วมกันหลอกลวงพระภิกษุตามวัดต่างๆ ในพื้นที่ จ.เชียงราย จ.พะเยา และล่าสุด ที่ จ.ลำปาง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป









