
กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดตรวจยึดกัญชาที่มูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี และแจ้งข้อหาครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 5 กับนายพรชัย ชูเลิศ หรือ “อ.ซ้ง” ขณะที่นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิยังติดภารกิจที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเดินทางกลับมาเมื่อวานนี้ (10 เม.ย.)

วันที่ 11 เม.ย. นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เข้าพบนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการครอบครองกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ และอยู่ระหว่างการแจ้งการครอบครองตามมาตรา 22 พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7 ) พ.ศ.2562 ซึ่งเป็นช่วงนิรโทษกรรม 90 วัน แต่มีการดำเนินการจับกุม

นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุว่า ในคดีของนายพรชัย ชูเลิศ เจ้าหน้าที่มูลนิธิข้าวขวัญ ขณะนี้ได้หารือกับนายเดชากับเครือข่ายพบว่า แต่ละฝ่ายมีความเข้าใจในข้อกฎหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งทางเครือข่ายมองว่าในช่วงนิรโทษกรรมไม่ควรจับกุม แต่ในทางปฏิบัติตามกฎหมายมองว่า ภายในกรอบ 90 วัน ถ้าผู้ครอบครองไม่ขออนุญาตตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการจับกุมได้ แต่หากอยู่ระหว่างการการยื่นขอใบอนุญาต ขอให้แสดงเจตนายืนยันว่าอยู่ระหว่างการจดแจ้ง ส่วนในด้านคดีความ ทาง ป.ป.ส.จะไม่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ขึ้นอยู่กับการตีความของศาล

เดชา ศิริภัทร
ด้านนายเดชา กล่าวว่า จะเร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้าน โดยก่อนหน้านี้ทางมูลนิธิสุขภาพไทยได้ทำเอกสารรับรองการเป็นหมอพื้นบ้านแล้วแต่หน่วยงานไม่ให้การยอมรับ ซึ่งจะต้องใช้กระบวนการรับรองจากชาวบ้าน หน่วยงานปกครอง โรงพยาบาล ให้การรับรองขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้าน จากนั้นไปขออนุญาตครอบครองตามมาตรา 22 ทั้งนี้ นายเดชายังคงเดินหน้าแจกน้ำมันกัญชาให้กับผู้ป่วยที่มีอยู่ในขณะนี้ 5,000 ราย ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด โดยขณะนี้คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เชิญนายเดชาเป็นทีมงานวิจัย และยังมีโครงการร่วมกับ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์
พร้อมกันนี้ นายเดชาเสนอให้รัฐบาลดึงกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด อาจใช้มาตรา 44 เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิการรักษาแพทย์ทางเลือกด้วยกัญชา

ต้นกัญชา
“ทำไมคนที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แจกฟรีๆ เนี่ย ถูกดำเนินคดี แต่พวกใต้ดินเยอะแยะทำไมไม่ถูกดำเนินคดี … ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบางท่านอาจจะไปมีประโยชน์ร่วมกับพวกใต้ดินทั้งหลาย ผมค่อนข้างแน่ใจว่าอาจจะมีเจ้าหน้าที่หนุนหลังอยู่ด้วย ขอให้ท่านลงไปดูว่ามีจริงไหม ท่าน (เลขาธิการ ป.ป.ส.) ก็รับว่าจะไปดูให้”
“ผมทำเรื่องนี้มา ไม่ได้คิดว่าจะทำได้เยอะหรอกครับ แต่ทำเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าทำแล้วมันดี ถ้าดีแล้วประชาชนรับเอาไปสิ ผมจะทำได้กี่ปีครับ ผมอายุขนาดนี้แล้ว ที่ผมรีบทำเพราะกลัวจะตายเสียก่อน คนที่อายุน้อยกว่าผม มีศักยภาพมากกว่าผมทำไมไม่ทำล่ะครับถ้าเห็นว่ามันดี ตอนนี้โอกาสเริ่มต้นแล้ว แม้กฎหมายจะยังมีข้อบกพร่องบ้างเราก็พยายามทำในกรอบกฎหมายไปก่อน แต่ในระยะยาวก็ต้องผลักดันกฎหมายต่อไป”









