เเม่กับลูกชายสติไม่สมประกอบ ถูกเพื่อนบ้านเผาบ้านวอด ต้องมาอาศัยใต้ถุนเมรุเผาศพ ก่อนทางวัดเมตตา สร้างกระท่อมให้อาศัย วิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือ
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. 61 ที่กระท่อมเก่าๆ มุงสังกะสี ภายในเมรุเผาศพของวัดป่าเนรมิตวิปัสสนา บ้านหัวนายูง เขตเทศบาลตำบลด่านซ้าย อ.ด่านซ้าย จ.เลย มีสองแม่ลูกชื่อ นางบัวขัน มาสีดา อายุ 67 ปี และนายเทพ (นามสมมติ) อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 14 บ้านหัวนายูง อ.ด่านซ้าย จ.เลย ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังบ้านถูกเผาวอด จนไม่มีที่อยู่ ต้องอาศัยอยู่ใต้เมรุเผาศพของวัดป่าเนรมิตวิปัสสนา เป็นที่หลับนอน จนต่อมาทางเจ้าอาวาสฯ ได้สร้างกระท่อมมุงสังกะสีให้ อยู่ด้านหลังเมรุเผาศพ และให้คอยดูแลจัดเก็บทำความสะอาดและเก็บกระดูก เมื่อมีชาวบ้านนำศพมาเผา
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพูดคุยด้วย พบนางบัวขัน พร้อมลูกชายที่สติไม่สมประกอบ อยู่ภายในกระท่อมที่พักอาศัย โดยภายในกระท่อมเก่าๆ มุงสังกะสี มีพัดลมเก่าๆ ตัวหนึ่ง อุปกรณ์นึ่งข้าวเหนียว และของใช้ทำครัวเล็กน้อย ข้าวสารครึ่งกระสอบ ไม่มีเตาแก็ส มีแต่เตาถ่าน ไม่มีทีวี มีไฟฟ้าใช้หลอดเดียว ส่วนที่นอนเป็นมุ้งหลังเก่า ปูด้วยผ้าห่มทำเป็นที่นอน มีหมอน ผ้าห่มเก่า
นางบัวขันเล่าว่า ทุกวันนี้อยู่กับลูกชายที่สติไม่ค่อยสมประกอบ ได้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาทเท่านั้น โดยมีผู้ใหญ่บ้านมาให้ทุกเดือน ส่วนบัตรสวัสดิการเเห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ไม่รู้เรื่อง ไม่มีใครบอก และไม่รู้ไปทำที่ไหน เพิ่งมารู้จักจากผู้สื่อข่าววันนี้เอง
“ถ้าให้ก็ดี จะได้มีเงินซื้อข้าวสาร อาหารแห้งมาเก็บไว้ ตั้งแต่บ้านโดนเพื่อนบ้านเผาจนไม่มีที่อยู่ ก็มาอาศัยที่ใต้เมรุเผาศพอยู่หลายเดือน จนเป็นข่าว เจ้าอาวาสสงสาร จึงสร้างกระท่อมเก่าๆ ให้ 1 หลัง อยู่ติดห้องน้ำเมรุเผาศพ และได้อาศัยก้นข้าววัดกินประทังชีวิตไปวันๆ
ทุกวันนี้ไม่ได้ไปไหนไม่เงินติดตัว ได้เงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุมาก็รีบไปซื้อของใช้ที่จำเป็นเก็บไว้กินและไว้ใช้ ไม่มีเงินติดตัว ส่วนรายได้มาจากชาวบ้านนำศพมาเผาที่เมรุเผาศพ ได้ครั้งละ 200-300 บาท เดือนหนึ่งไม่ถึง 1,000 บาท บางเดือนก็ไม่ได้ ก็ขอวิงวอนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพาไปทำบัตรคนจน เพื่อจะมีรายได้ส่วนนี้มาเลี้ยงลูกชายที่ไม่สมประกอบ และซื้อของเก็บไว้กินไว้ใช้
