
ประเด็นคือ – ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ลงพื้นที่วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เพื่อขอข้อมูลการผลิตกระเป๋าแบรนด์ วัดไผ่ล้อม ซึ่งมีการออกแบบคล้ายลายแบรนด์ยี่ห้อดัง ล่าสุด วางให้เช่าบูชาไปได้ไม่ถึงเดือน มียอดเช่าแล้วกว่าล้านบาท
วันที่ 4 ม.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีโลกออนไลน์มีการพูดถึงกระเป๋าแบรนด์วัดไผ่ล้อม collection 10 แบบ ซึ่งถูกวางโชว์ที่ตู้โชว์ กลางลานวิหารหลวงพ่อพูล พร้อมข้อความว่า เป็นกระเป๋ามหามงคล “พูลเพิ่มทรัพย์” ภายใต้แนวคิดของ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน ที่ระบุว่า ผู้ที่บูชากระเป๋าทุกใบ จะได้รับเหรียญเจ้าสัวเงิน พูลเนื้อทองฝาบาตรเป็นที่ระลึก ราคาเริ่มต้น 1,000-3,000 บาท รายได้จากการเช่าบูชากระเป๋ามหามงคลทางวัดไผ่ล้อมจะนำเข้ากองทุนมูลนิธิของหลวงพ่อพูล อดีตเจ้าอาวาส นำไปบริจาคจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และมอบให้โรงพยาบาลนครปฐม ทั้งหมด

ล่าสุด หลังหลวงพี่น้ำฝนทำการปลุกเสกกระเป๋าล็อตแรก และหนัง pvc ที่ใช้ทำกระเป๋าเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2560 และเริ่มเปิดให้เช่าเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา มียอดเช่าบูชาไปแล้วกว่าล้านบาท
สำหรับการตรวจสอบของผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนา ระบุว่า ได้ส่งเรื่องให้เจ้าคณะจังหวัดนครปฐมแล้วนั้น ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ได้เข้าขอนมัสการพระเทพมหาเจติยาจารย์ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ชี้แจงว่า ยังไม่ได้รับหนังสือจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแต่อย่างใด
https://www.youtube.com/watch?v=7ZpTzp5vrLk
ส่วนการทำกระเป๋าและมีการปลุกเสกนั้น ไม่แตกต่างตากการปลุกเสกวัตถุมงคลที่สร้างให้คนมีความเชื่องมงายในวัตถุมากกว่าพระธรรมคำสอนที่เน้นให้คนเชื่อในกรรม แต่ยังไม่ถึงขั้นอวดอุตริ ส่วนการปลุกเสกนี้ผิดพระธรรมวินัยหรือไม่ เจ้าคณะจังหวัดตอบว่าไม่ผิดพระวินัย แต่ผิดหลักพระธรรม ก่อให้คนเชื่อในอำนาจดลบันดาลซึ่งผิดเพี้ยนไปจากหลักคำสอนพระพุทธเจ้า ไม่ต่างจากที่คนพุทธนับถือปลัดขิก วัตถุมงคลหรือพญานาค หากสังคมมีการติเตียนมาก ก็ควรยุติ ส่วนการหารายได้จากการเช่าบูชากระเป๋าไปบริจาคให้ รพ.นั้น ไม่ใช่กิจของสงฆ์ หากจะบริจาคสามารถทำทางอื่นได้
ด้านเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ชี้แนะว่า ขอให้คนยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธศาสนา มีความเข้มแข็ง ไม่หลงเชื่่อสิ่งมัวเมา หากอยากมีอยากได้ต้องขยันหมั่นเพียร ถ้าซื้อกระเป๋าไปแล้วไม่ขยันก็ไม่มีทางมีเงินหรือมีชีวิตที่ดีขึ้นได้










