
ประเด็นคือ-หากใครยังไม่รู้ ถ้ากินยาลดความอ้วนที่มีสารไซบูทรามีน อยู่นอกจากตัวเองจะได้รับอันตรายแล้ว ถ้าไปบริจาคเลือด ผู้ป่วยที่ได้รับเลือดอาจเสียงเป็นอันตรายถึงชีวิต
นายภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง เจ้าของเพจ หมอแล็บแพนด้า ได้ให้ความรู้ หลังมีแม่ค้าขายยาลดความอ้วน รายหนึ่ง โพสต์ว่า “แม่ค้ากรุ๊ปเลือด AB กินแล้วน้ำหนักลดมาเกือบ 10 กิโลกรัม แต่ก็สามารถบริจาคเลือดได้ เลือดไม่ลอย ความดันปกติ ไม่เป็นลม เลือดเต็มถุง
ซึ่ง หมอแล็บแพนด้า ได้เตือนว่า “ถ้าผู้ป่วยได้รับเลือดจากคุณ ซึ่งในเลือดของคุณอาจจะมี สารไซบูทรามีน จากการกินยาลดความอ้วน หากผู้ป่วยตายขึ้นมา คุณอาจจะเป็นฆาตกรทางอ้อมนะครับ”
https://www.facebook.com/MTlikesara/posts/770097899863063
เว็บไซต์ หาหมอ.com ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ยาไซบูทรามีน ดังนี้
ยาไซบูทรามีน (Sibutramine) ถูกใช้เป็นยาลดน้ำหนักแบบรับประทาน สามารถดูดซึมผ่านจากระบบทางเดินอาหารได้ประมาณ 77% เมื่อยานี้เข้าสู่กระแสเลือด จะจับกับพลาสมาโปรตีนถึงประมาณ 97% และถูกลำเลียงไปที่ตับ เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีได้เป็นสารประเภทเมทาบอไลต์ (Metabo lites) การกำจัดยาไซบูทรามีนออกจากร่างกาย ใช้เวลาเพียงประมาณ 1 ชั่วโมง แต่สำหรับสารเมทาบอไลต์ของยาไซบูทรามีนต้องใช้เวลาประมาณ 14 – 16 ชั่วโมงขึ้นไป
ในปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) คณะกรรมการอาหารและยาของประเทศในแถบอเมริกาได้ผลักดันให้ยาไซบูทรามีน เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ใช้ลดน้ำหนัก แต่ต่อมาตรวจพบว่ายานี้มีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรงเช่น ทำให้ระบบการทำงานของหัวใจผิดปกติ มีความดันโลหิตสูง แรงดันโลหิตในปอดเพิ่มมากขึ้น เจ็บหน้าอก ตาพร่า หายใจไม่ออก หายใจลำบาก หัวใจล้มเหลว ไตวาย จนถึงมีรายงานว่าผู้ป่วยบางรายถึงกับเสียชีวิต (ตาย) ดังนั้นในปี ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) ยาไซบูทรามีน จึงถูกเพิกถอนออกจากตลาดยาของสหรัฐอเมริกา
มีข้อห้ามการใช้ของยาไซบูทรามีนอีกมากมายที่ผู้บริโภคควรทราบ อาทิ
- ห้ามใช้กับผู้ป่วยโรคจิต ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า ผู้ที่มีประวัติติดสุรา ผู้ป่วยที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือผู้ชรา/ผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 65 ปี
- ผู้ที่ใช้ยาในกลุ่ม MAOIs ยาต้านอาการซึมเศร้ารวมถึงกลุ่มยาต่างๆที่ออกฤทธิ์ต่อสมอง
- ห้ามใช้ยานี้กับกลุ่มผู้ป่วยดังต่อไปนี้ ผู้ป่วยด้วยโรคของหลอดเลือดฝอย ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีลิ้นหัวใจทำงานผิดปกติ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตในปอดสูง ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดแดงในสมองแตก ผู้ป่วยไทรอยด์ฮอร์โมนสูง/ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ผู้ป่วยโรคต้อหิน ผู้ป่วยโรคลมชัก ผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต สตรีตั้งครรภ์และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
ในประเทศไทยไม่มียานี้จำหน่ายเช่นเดียวกับหลายประเทศทั้งนี้ก็ด้วยฤทธิ์ของอาการข้างเคียง (ผลข้างเคียง) ที่ค่อนข้างรุนแรงนั่นเอง









