ผู้ประพันธ์บทเพลง “ดุจดังสายฟ้า” บทเพลงเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 10 ซึ่งขับร้องโดย “ตูน บอดี้สแลม” คือ บุคคลเดียวกันกับที่เคยฝากฝีมือการประพันธ์เพลง King of King บทเพลงเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 9 ในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
นายพงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ประพันธ์เพลง ดุจดังสายฟ้า ซึ่งเป็นเพลงที่กองทัพบก จัดทำขึ้นเพื่อทูลเกล้าถวายฯ เปิดเผยความเป็นมาของ เพลงดุจดังสายฟ้า กับทีมข่าวเวิร์คพอยท์เป็นที่แรกว่า “ภายหลังที่ทําการไตร่ตรองรวมทั้งพูดคุยกับผู้ใหญ่ทางผมบางท่านเรามีความคิดเห็นตรงกันประการหนึ่ง นั่นคือ นี่เป็นบุญของเราและประเทศนักหนาที่ได้พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลใหม่พระองค์นี้ในเวลาเช่นนี้ เราไม่ใช่เด็กๆ ที่มองในด้านที่จินตนาการสวยงามเกินจริง แต่เรามองเห็นยุคสมัยอันวุ่นวายและมีภัยคุกคามรอบด้านนาทีนี้ การมีพระเจ้าแผ่นดินเป็นทหารนั้นนับเป็นความเหมาะสมต่อชาติและต่อสถานการณ์ในโลกอย่างที่สุดนี่เป็นเวลาที่ประเทศไทยต้องการความเข้มแข็งเด็ดขาด

(พงษ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ประพันธ์เพลง ดุจดังสายฟ้า)
ดูสิ่งที่เกิดขึ้นสักหนึ่งตัวอย่าง พระเจ้าอยู่หัวทรงให้ทหารและข้าราชบริพารส่วนพระองค์ทําการขุดลอกคูคลองในพระนครโดยมีประชาชนมาอาสาร่วมด้วยอีกเป็นจํานวนมาก หากไม่ใช่พระบรมเดชานุภาพบันดาลให้เกิดการบุกเบิกพัฒนานี้ก่อนอาศัยการพูดจาหว่านล้อมประชาสัมพันธ์จากภาครัฐแต่เพียงอย่างเดียวจะเกิดพลวัตรเช่นนี้ได้อย่างไร? เท่าที่จําความได้ผมไม่เคยเห็นเทศบาลกรุงเทพมหานครทําสิ่งนี้ได้เลยสักหน ลานกว้างหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมโดยรอบพระบรมรูปทรงม้านั้นสะอาดเป็นที่สุดอย่างไม่เคยมีมาก่อนพวกเราสามารถนอนลงไปได้อย่างไม่ต้องกลัวเสื้อผ้าสกปรก
และเมื่อเราลองหันมองดูโดยรอบจากข่าวคราวความเป็นไปในโลกภัยและการแทรกแซงจากต่างชาติทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศภัยการก่อการร้ายภัยสงครามทั้งในรูปแบบและนอกรูปแบบ เช่นในอิรัก ปาเลสสไตน์ ซีเรีย ยูเครนและล่าสุด คือ ฟิลิปปินส์ เราได้เห็นท่าทีอันตึงเครียดของมหาอํานาจอย่างอเมริกา รัสเซีย จีน อินเดีย นาโต้ ในการคานอํานาจและชั้นเชิงทางการเมืองของโลกฯ เราได้เห็นการช่วงชิงความเป็นใหญ่ในเชิงเศรษฐกิจระหว่างเปโตรดอลล่าร์ กับBRICS ทั้งหมดนี่ไม่ใช่เรื่องชั่วคราวเราต้องไม่หลอกตัวเองอย่างเด็ดขาด นับจากนี้เป็นต้นไปโลกมีแต่จะเดินเข้าสู่ความตึงเครียดมากกว่านี้ขึ้นเรื่อยๆ
สําหรับผมนั้นสามารถสรุปใจความได้ว่า “นี่คือโลกที่วุ่นวาย” พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อนก็ได้เคยทรงเตือนแล้วว่า จงเตรียมพร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลงอันวุ่นวาย การที่ประเทศไทยยังตั้งมั่นอยู่ได้อย่างมั่นคงในท่ามกลางสภาวะโลกเช่นนี้ ผมจึงรู้สึกว่าเป็น “พระบรมเดชานุภาพ” ของพระเจ้าอยู่หัวในราชวงศ์จักรีทุกพระองค์จากอดีตจนถึงรัชกาลปัจจุบัน ประเทศชาติยังมีสิ่งอื่นๆ อีกที่ต้องใส่ใจ นอกจากความสุขของประชาชนซึ่งอาจหยิบยื่นให้อย่างฉายฉวยก็ได้หรืออย่างจีรังยั่งยืนก็ได้การถ่วงสมดุลย์อํานาจภายในประชาคมโลก การบริหารจัดการทรัพยากรในชาติให้ปลอดภัยจากการรุกรานอย่างยั่งยืนโดยต่างชาติ และความสงบสันติในขอบเขตขัณฑสีมาของชาติเป็นต้น ทั้งหมดนี้ล้วนต้องการความ เข้มแข็งเด็ดขาด ซึ่งเราสัมผัสได้อย่างชัดเจนจากพระบารมีของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
สาระสําคัญที่ผมหยิบมาเป็นแนวทางในที่นี้คือคําว่า วชิราลงกรณ อันเป็นพระนามของพระเจ้าอยู่หัวนั่นเอง คํานี้มีความหมายว่า เครื่องประดับอันงดงาม ก็ได้ หรือหมายถึง สายฟ้า (อสนีบาต) ก็ได้ มาจากรากคําว่า วชิระ,วัชระ อันเป็นศาสตราวุธของพระอินทร์คําว่า บดินทรเทพ นั้นหมายถึง พระอินทร์, เทพยวรางกูร หมายถึง เชื้อสายแห่งเทพยดา ในที่นี้คือพระอินทร์ซึ่งมี วัชระ เป็นอาวุธ เป็นสัญลักษณ์ของเทพผู้ให้ความเมตตาช่วยเหลือและปกป้องคุ้มภัย”
เนื้อเพลง ดุจดังสายฟ้า คําร้อง-ทํานอง-เรียบเรียงดนตรี : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (มิถุนายน2560) / ขับร้องโดย ตูน บอดี้สแลม
แดนดินถิ่นไทย
มั่นคงอยู่ในยุคของโลกใหม่
ราชาอีกองค์
ผู้ทรงนําสยามให้ก้าวไป
มหาวชิราลงกรณ
ประดุจดังแสงส่องทางผู้คน
เปิดให้ฟ้าเรืองรองผองชนหลอมรวมใจ
ทรงดําเนินติดดิน
รู้ความเหนื่อยก็เหมือนเช่นใครใคร
ทรงงานอดทน
เพื่อปวงชนภาระนั้นมากมาย
เหมือนที่ทรงสัญญา
จะทําเพื่อมวลประชาได้อยู่ดี
จะอุทิศกําลังที่มีทั้งใจกาย
*
หัวใจแกร่งไม่เกรงผองภัยพาล
ด้วยจิตวิญญาณทหารไทย
เพื่อมาตุภูมิแห่งนี้
ที่เราอยู่กิน แผ่นดินที่เป็นดวงใจ
⦿
พระองค์ยืนอยู่ท่ามกลางกระแสลมแรง
ของชาติที่แข่งขันกันไขว่คว้าความยิ่งใหญ่
คอยปกป้องอยู่ดุจดังสายฟ้า
ที่คุ้มกันยามมีภัย
นี่คือศูนย์รวมดวงใจ
ไทยเป็นหนึ่งร่วมกัน
ทรงเพียรเรียนรู้
ทุกเรื่องราวสร้างสรรค์ให้บ้านเมือง
ตามรอยพระบิดา
พัฒนาสยามให้รุ่งเรือง
มหาวชิราลงกรณ
ประดุจดังแสงส่องทางผู้คน
เปิดให้ฟ้าเรืองรองผองชนล้วนภูมิใจ
( * /⦿)
ปก : ภาพพระราชทาน สำนักพระราชวัง









