เปิดใจป้าใจบุญ สูญเงิน 100 ล้าน เลี้ยงหมา – แมวจรจัด

เปิดใจป้าใจบุญ สูญเงิน 100 ล้าน เลี้ยงหมา – แมวจรจัด

เปิดใจป้าใจบุญ เลี้ยงสุนัข-แมว จรจัด กว่า 14 ปี สูญเงินสะสมกว่า 100 ล้านบาท บอกตอนนี้ต้องการคนช่วยเหลือ

วันนี้ (3 พ.ย.60) เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพบ นางกวิพร วินิจเถาปฐม อายุ 68 ปี นักธุรกิจรถโม่ปูน ชาว จ.นนทบุรี หรือ หญิงใจบุญที่รับเลี้ยง หมา – แมวจรจัดเกือบ 2,500 ตัว โดยที่บ้านหลังดังกล่าว สร้างอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่ เป็นบ้านปูน 3 ชั้น ชั้นล่างเป็นที่ทำงานของบริษัทรถโม่ปูน ส่วนชั้นบนเป็นสถานที่เลี้ยงหมาและแมว

ภายในรั้วบ้านยังมีรถโม่ปูนจำนวนนับสิบคันจอดอยู่ รวมทั้งยังมีร่องรอยสถานที่เลี้ยงหมา เช่นอ่างให้อาหาร กรง และอาหารต่างๆหลายชนิด ยังพบว่ามีสุนัขหลงเหลืออยู่อีก ประมาณ 15 ตัว มี 2 ตัวที่ได้รับบาดเจ็บอาศัยอยู่ในกรงรอการส่งไปรักษา และมีแมวอีกประมาณ 44 ตัวเตรียมขนย้ายไปดูแลที่ จ.สระบุรี

ทั้งนี้ นางกวิพร วินิจเถาปฐม (ป้าใจบุญ) เปิดเผยว่า ป้าเริ่มช่วยสุนัข และแมว มาตั้งแต่ปี 2546 พอปี 2547 ไปเจอหมาวัดสงสารมันทั้งผอมทั้งกลัว ตนก็ทำข้าวไปแจกและไปดู สภาพมันแย่ ดูแล้วหดหู่ ตนจึงเวทนาและได้ช่วยเอาไว้ ส่วนต้นเหตุมาจากที่ตนหาซื้อสุนัขให้ลูกสาวที่สอบเข้าได้แต่มันแพง จึงเพียรไปดูตลอดหนึ่งเดือนจนเขายอมขายให้ราคา 3,000 บาท แต่สภาพมันแย่มากแล้วไม่สบายต้องนำมารักษา ตนก็สงสารจึงซื้อมาเลี้ยง โดยเริ่มแรกเลี้ยงประมาณ 1,000 กว่าตัว ก็มีสงเสียงดังบ้าง ข้างบ้านก็เข้าใจ

ส่วนค่าใช้จ่ายประมาณเดือนละ 800,000 – 1,000,000 บาท มีคนงานดูแล 19 คน และเมื่อปี 54 ที่เกิดน้ำท่วมหนัก ตอนนั้นที่นี่มีแต่กรงเลี้ยงหมาเต็มไปหมด พอน้ำท่วมก็หาที่ใหม่ซื้อที่ไปราคาประมาณ 8 ล้าน ค่าก่อสร้างอีกรวมหมดไปประมาณ 30 ล้าน ตนก็ไม่ได้คิดจะทุ่มเงินเยอะ แต่ถ้าน้ำท่วมตรงนี้อีกสัตว์พวกนี้จะทำยังไง

อีกทั้งตนไม่ได้หมดทีเดียว 100 ล้าน ค่อยๆหมดไปทีละนิดเงินจากธุรกิจบ้าง ขายทองบ้าง ตนไม่มีทองก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าสัตว์มันหิวมันจะทำอย่างไร ถ้าตนไม่ช่วยมันก็จะตาย และถ้าถามว่าอยากได้ความช่วยเหลือไหมก็อยากได้ เพราะตนทิ้งสัตว์พวกนี้ไม่ได้ ตนอยากให้คนที่เลี้ยงสุนัขช่วยดูแลเขาให้ดีอย่าทิ้งขว้างมัน ตนอยากให้คนช่วยตรงนี้มากกว่า

ส่วนทางด้านนายอนันต์ธรณ์ วินิจเถาปฐม อายุ 29 ปี บุตรชายนางกวิพร เปิดเผยว่า แม่ช่วยเหลือหมาจรจัดมาตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบันก็ประมาณ 14 ปี ที่หมดเงินไป 100 ล้านมันไม่ใช่หมดครั้งเดียว มันทยอยไปเรื่อยๆ กว่า 10 ปีสะสม เป็นค่าอาหาร ค่ายา ค่ารักษา ค่าเดินทาง ค่าขนส่ง และค่าก่อสร้าง ส่วน ที่ทำตรงนี้หลักๆ คือแม่ และก็ไม่ว่าจะเยอะขนาดนี้ พอเริ่มเยอะขึ้นก็รู้ตัวกันว่าไม่ไหว ก็มีพยายามคุยและทะเลาะกันเหมือนกัน ตนไม่ได้รังเกียจที่แม่ทำแบบนี้และก็รู้สึกดีที่ได้ช่วยแม่ทำ

และตอนนี้แม่ก็เริ่มรู้แล้วว่ามันลำบากจริงๆต้องขายทรัพย์สิน ขายรถ เพื่อพยุงตรงนี้ให้มันไปรอดทั้งส่วนตัวและโครงการ ส่วนตนมีหน้าที่ประชาสัมพันธ์บ้านนางฟ้าของสัตว์จรเพื่อขอรับบริจาค นำมาช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายตรงนี้ และสำหรับหน่วยงานรัฐที่เข้ามาช่วยเหลือส่วนใหญ่เข้ามาแบบชั่วคราว บางทีเราก็ไปช่วยดูแลสุนัขให้เขากรณีที่เขาร้องขอมา เงินค่าใช้จ่ายหลักๆมาจากเงินธุรกิจส่วนตัว

ส่วนผู้ที่ใจบุญที่จะช่วยเหลือหรือบริจาคสามารถติดต่อได้ที่เพจบ้าน “นางฟ้าของสัตว์จร”

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง