เพจ Rap Against Dictatorship ยังอยู่ สมาชิกแรป ประเทศกูมี ไม่ได้ถูกเรียกสอบ

เพจ Rap Against Dictatorship ยังอยู่ สมาชิกแรป ประเทศกูมี ไม่ได้ถูกเรียกสอบ

ในประเทศ

เพจเฟซบุ๊ก Rap Against Dictatorship แจงทีมแรป “ประเทศกูมี” ทุกคนปลอดภัยดี ยังไม่มีใครถูกเรียกสอบ พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ 

วันที่ 27 ต.ค. 2561 ความเคลื่อนไหวทีมแรป “ประเทศกูมี” ที่มีเนื้อหา การเมือง และใช้ฉากหลังเอ็มวีเป็นภาพจำลองเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 กลายเป็นกระแสในสังคมทันทีเมื่อรัฐบาลออกมาระบุว่า รัฐบาลเสียใจเยาวชนทำเพลงแรป “ประเทศกูมี” ชี้น่าจะใช้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินเกิดของตัวเองมากกว่านี้ เสียหายที่สุดคือประเทศไทย  ทำให้ล่าสุดมีผู้เข้าชมคลิปมากกว่า 6 ล้านวิว

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก Rap Against Dictatorship โพสต์ข้อความระบุว่า “พวกเรายังปลอดภัยดีกันทุกคนนะครับ ขณะนี้ยังไม่มีการเข้าจับกุมใดๆ จาก จนท.รัฐ ตามที่มีการลือกัน” พร้อมระบุถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยว่า “เราเชื่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนว่า ไม่ว่าเรา-ประชาชน จะมีความแตกต่างกันแค่ไหน แต่พวกเราก็สามารถต่อสู้กับความไม่ถูกต้องร่วมกันได้” ขณะที่ชาวเน็ตต่างพากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก

https://www.facebook.com/rapagainstdictatorship/posts/481691028905775

 

ขณะที่เพจไทยโพตส์ นำเสนอเนื้อหาจากเพจ ‘น้าทิวา’ นายทิวา สาระจูฑะ บก.สีสัน เจ้าของรางวัลดัง “สีสัน อวอร์ด” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Tiva Sarachudha ถึง “เพลงประเทศกูมี” ว่า “ว่าจะไม่เขียนถึง แต่คิดแล้วคิดอีก ควรจะแสดงความรู้สึกสักหน่อย เพราะผมก็คนประชาธิปไตยเหมือนกัน หวังว่าจะไม่มีใครผูกขาดความรักประชาธิปไตยเอาไว้
ผมได้ดูและฟังเพลงแร็ปที่วิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทยเพลงนั้นแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่โพสต์และแชร์กัน ตัวเพลงไม่ติดใจอะไร ถือว่าเป็นเรื่องของความคิดคน อึดอัดก็ระบายออกมาเท่านั้น และในแง่การใช้คำก็พอมีฝีมือกันอยู่บ้าง แต่ด่าประเทศตัวเองหยาบๆคายๆนั่นก็เกินไป เกิดที่ไหนไม่มีหัวคิดเลยหรือ อย่าไปเอาอย่างผู้ใหญ่สิ้นคิดบางคนเลย

แต่ที่ทำให้เซ็งและเศร้าใจนิดหน่อยเมื่อเห็นมิวสิควิดีโอ ไม่ได้เศร้าที่เห็นหน้าตาคนร้อง แต่เศร้าที่ไปรื้อฟื้นนำเอาภาพเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 มาทำใหม่ นักแร็ปทั้งหลายในคลิปวิดีโอนี้คงเกิดไม่ทันเหตุการณ์ตอนนั้น ถึงบางคนเกิดทัน แต่กะเจี๊ยวก็คงยังไม่พัฒนาเป็นไอ้จู๋ และคงไม่รู้ว่า เผด็จการยุคโน้นเป็นอย่างไร เพราะยุคนี้ใครจะทำปฏิวัติรัฐประหารต้องระมัดระวังพอสมควร รู้ว่าถ้ามีกรอบหรือกดกันมากเกินไป สุดท้ายก็จะถูกขับไล่โดยประชาชน และในสมัยที่โลกเปิดกว้าง ความสัมพันธ์ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศมีความสำคัญอย่างมาก ผู้ทำปฏิวัติจะขยับอะไรก็ต้องคิดแล้วคิดอีก

คนรุ่น 14 ตุลาคม 2516 ต่อเนื่องถึง 6 ตุลาคม 2519 ต้องเสียชีวิตเลือดเนื้อและพิกลพิการไปไม่รู้เท่าไหร่ในการต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิเสรีภาพ แม้จะชะงักไปบ้างในช่วงปี 2535 และ 2549 แต่ก็ไม่ได้เป็นเวลายาวนานนัก เพราะประตูได้ถูกเปิดออกแล้ว เผด็จการยุคโน้นไม่ได้ละมุนละไมเหมือนยุคนี้ที่ปล่อยให้ด่ากันโครมๆ ภาษาวัยรุ่นก็คือ “มึงอย่ามาแอ๊ะ” พูดง่ายๆว่า ผู้ที่อ้างว่าเรียกร้องประชาธิปไตยสมัยนี้ ยังแทบไม่ได้ต่อสู้กับอะไรจริงๆเลย

การแต่งเพลงหรือเขียนวิพากษ์วิจารณ์อะไรสามารถทำได้ ไม่ว่าจะมาจากแนวคิดแบบไหน เพียงแต่ต้องระวังว่าจะไปละเมิดสิทธิของคนอื่นหรือเปล่าเท่านั้น เพราะนั่นเป็นเรื่องทางกฎหมาย แต่การนำภาพจำลองโศกนาฏกรรมที่เป็นความขมขื่นปวดร้าวจากอดีตมาใช้ประโยชน์ ผมถือว่าขาดความเคารพกันผมไม่อยากมองในแง่ลบว่า มีใครอยู่เบื้องหลังกิจกรรมครั้งนี้หรือเปล่า แต่ก็ได้ผลในการสร้างปฏิกิริยา ซึ่งคงสร้างความพะอืดพะอมต่อผู้มีอำนาจพอสมควร

แต่ปฏิกิริยาจากผมในฐานะเป็นหนึ่งในคนยุค 14 ตุลาฯ และ 6 ตุลาฯ ถือว่าวิดีโอที่เอาภาพเหตุการณ์เก่ามารื้อฟื้นเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองใดๆในยุคปัจจุบัน เป็นความน่ารังเกียจ และออกจะต่ำทราม และถ้าใครที่เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊คผม เห็นดีเห็นงามกับคลิปวิดีโอนี้และไม่พอใจสิ่งที่ผมเขียนแสดงความรู้สึก ก็เชิญ unfriend ผมได้เลย ยิ่งเร็ว ยิ่งดี”

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
เพจ Rap Against Dictatorship ยังอยู่ สมาชิกแรป ประเทศกูมี ไม่ได้ถูกเรียกสอบ