ประเด็นคือ – ไฟฟ้าลัดวงจร ลุกไหม้สายไฟ เผาร้านซ่อมจยย. และลามไหม้ร้านทำป้ายที่อยู่ติดกัน เสียหายทั้ง 2 หลัง โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จนท.เร่งหาสาเหตุที่แท้จริง
วันที่ 18 ม.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.ท.หญิง สิรินยา คล้ายสมบัติ รองสารวัตรสอบสวน สภ.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่บ้านเลขที่ 4/2–3 ถนนวิชิตสงคราม ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต เยื้องกับสนามกีฬาสุระกุล จากนั้นได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาล ต.วิชิต และหน่วยกู้ชีพกู้ภัยมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต นำรถดับเพลิงและรถบรรทุกน้ำเข้าทำการฉีดน้ำดับเพลิง เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามไปยังอาคารใกล้เคียง และพร้อมด้วย พ.ต.ท.พีระพันธ์ มีมาก รองผกก.สอบสวน นายชัยรัตน์ พึ่งแรง รองนายกเทศมนตรี ต.วิชิต และรองปลัดเทศบาล ต.วิชิต รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวขนาดชั้นเดียว ตั้งเรียงรายอยู่ริมถนนสายดังกล่าว พบว่าบ้านซึ่งใช้เป็นร้านซ่อมรถ มีเพลิงกำลังลุกไฟไหม้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังพบว่าบริเวณสายสื่อสารซึ่งเกาะอยู่กับเสาไฟฟ้าหน้าบ้านหลังดังกล่าว มีไฟกำลังลุกไหม้ เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการฉีดน้ำสกัด เพื่อไม่ให้ลุกลาม ประกอบกับบริเวณหน้าร้านและภายในร้านมีรถจักรยานยนต์จอดรอซ่อมอยู่หลายคัน ซึ่งถูกเพลิงไหม้ทั้งหมด และยังลุกลามไปยังบ้านข้างเคียงซึ่งเป็นร้านรับทำป้ายได้รับความเสียหายทั้งหมดเช่นกัน โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์เบื้องต้น ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงประทุจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจรจากกลุ่มสายไฟฟ้า และสารสื่อสารต่างๆ ซึ่งเกาะอยู่บนเสาไฟฟ้าหน้าร้านรับซ่อมรถจักรยานยนต์ จนเกิดเปลวไฟขึ้น จากนั้นไฟได้ลุกลามไปยังร้านค้าทั้ง 2 แห่ง อย่างรวดเร็ว ประกอบกับภายในร้านรับซ่อมรถจักรยานยนต์ มีน้ำมันเครื่องและรถจักรยานยนต์จอดรอซ่อมอยู่ จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ส่งผลให้เปลวไฟโหมไหม้อย่างหนัก และทรัพย์สินของร้านทั้งสองได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ทั้งนี้ระหว่างเกิดเหตุเจ้าของร้านรับซ่อมรถจักรยานยนต์ที่ถูกเพลิงไหม้ ไม่ได้อยู่ในร้าน เนื่องจากออกไปซื้ออะไหล่รถ ส่วนค่าเสียหายยังไม่สามารถประเมินราคาได้ เนื่องจากรถจักรยานยนต์ของลูกค้าที่มาจอดซ่อมไว้เสียหายทั้งหมด รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ ด้วย ส่วนเจ้าของร้านรับทำป้ายขณะนั้นไม่ได้อยู่ภายในร้านเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
