
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการบังคับโทษตามคำพิพากษาของศาลโดยการประหารชีวิตนักโทษคดีฆ่าผู้อื่นอย่างทารุณโหดร้ายเพื่อชิงทรัพย์ นับเป็นการยังคับใช้โทษประหารชีวิตครั้งแรกในรอบ 9 ปี
องค์กรแอมเนสตี อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยแสดงความไม่เห็นด้วยกับกรณีดังกล่าวทันที โดยนัดรวมตัวชูป้ายค้านโทษประหารชีวิตหน้าเรือนจำบางขวาง
ปัจจุบันการประหารชีวิตเป็นบทลงโทษทางอาญาสถานหนักที่สุดของไทย หลายประเทศได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตไปเนื่องจากขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตามหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและจีน ก็ยังคงโทษดังกล่าวไว้โดยมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ)

ความเห็นจากนางยุคล สุขมาก มารดาของนายดนุเดช ผู้เสียชีวิตในคดีฆ่าชิงทรัพย์
กล่าวว่า “ก่อนไปโรงเรียนน้องไปช่วยกรีดยางให้แม่ แม่ไม่ต้องทำเลยน้องเขาไปทำเอง ไปโรงเรียนทุกวันไม่เคยขาดเรียน ไม่เคยมีประวัติไม่ดี มีเเต่ประวัติดี ๆ เป็นนักกีฬาดีเด่นของโรงเรียน
ก็ดีค่ะที่ได้ตัดสินแบบนี้ รู้สึกว่าได้ความยุติธรรมกลับมาให้ตัวเองนิดหนึ่ง อย่างน้อย ๆ ไม่ต้องสูญเสียไปเปล่าๆ โดยที่ว่าเงียบไปเลย อย่างน้อย ๆก็ได้มีความเป็นธรรมมาจากศาล
(อยากจะฝากอะไรถึงเจ้าหน้าที่) ให้ดำเนินคดีกับคนที่เหลือ ในหลักฐานไม่ใช่คนเดียว ดำเนินต่ออีก”

ญาติผู้ต้องโทษประหารชีวิตได้แสดงความรู้สึกถึงการประหารชีวิตว่า
“ก็รับไม่ได้ค่ะ มันสะเทือนจริง ๆกับเรื่องนี้ … เขาบอกหยุดประหารไปแล้ว 9 ปี ทำไมเพิ่งมาเริ่มกับพี่หนูเป็นคนเเรก”

ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายชื่อดังให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวว่า
“โทษประหารชีวิตมีไว้เพื่อปรามมิให้คนส่วนใหญ่กระทำความผิดรุนแรง คนส่วนน้อยเท่านั้นเองครับที่ไม่กลัวเกรงต่อกฎหมายและไม่กลัวความตาย เพราะฉะนั้นเราอย่าไปมองคนส่วนน้อย เราต้องมองสังคมส่วนใหญ่
สังคมเราเป็นสังคมใหญ่เจ็ดสิบกว่าล้าน ถ้าเราไม่มีโทษอย่างนี้คนก็ทำความผิดไปเรื่อย ๆ เยอะแยะมากมายเลย คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้กระทำผิด คนส่วนน้อยเท่านั้นที่ทำความผิด แล้วน้อยในที่นี้ไม่ถึงเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นผมก็คิดว่าคงที่จะให้มีการลงโทษประหารชีวิตเอาไว้”

แคทเธอรีน เกอร์สัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของแอมเนสตี อินเตอร์เนชั่นแนลชี้แจงจุดยืนของตนผ่านเว็บไซต์แอมเนสตี อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยว่า
“ไม่มีหลักฐานใดๆ ว่าโทษประหารชีวิตจะส่งผลให้บุคคลยั้งคิดก่อนกระทำความผิดอย่างชัดเจน การที่ทางการไทยคาดหวังว่ามาตรการเช่นนี้จะช่วยลดการก่ออาชญากรรม จึงเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง
โทษประหารชีวิตถือเป็นการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีมากสุด ทั้งยังไม่ได้เป็น “คำตอบสำเร็จรูป” ที่ช่วยแก้ปัญหาที่ทางการต้องการแก้ไขอย่างรวดเร็ว”
ติดตามข่าวที่น่าสนใจได้ที่ http://www.workpointnews.com
Facebook / https://www.facebook.com/WorkpointNews/
Instagram / https://www.instagram.com/workpointnews/
Twitter / https://twitter.com/WorkpointShorts









