
ประเด็นคือ – หลังจากจระเข้ “เลพัง” ถูกนำตัวไปพักไว้ที่บ่อเลี้ยงภายในศูนย์วิจัยฯ เกือบเดือนไม่ยอมกินอะไร วันนี้ยอมกินไก่แล้ว รอผลดีเอ็นเอเดือนหน้า เพื่อหาที่อยู่ที่เหมาะสมต่อไป
ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ชุดไกรทองลุ่มน้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่คอคโคไดร์เวิร์ลด์ และชุมชนชาวประมงปากบางป่าตอง ได้เข้าจับตัว “เลพัง” จระเข้เพศผู้ ความยาว 2 เมตรเศษ น้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม ออกจากขุมน้ำสาธารณะบริเวณหน้าหาดเลพัง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา
หลังจากมีชาวต่างชาติใช้โดรนบินถ่ายภาพไว้ได้ ขณะที่จระเข้ดังกล่าวว่ายน้ำอยู่ในทะเลหน้าชายหาด และเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวมีการตรวจพบว่า จระเข้ตัวดังกล่าวได้เข้ามาหลบอยู่ในขุมน้ำสาธารณะ ซึ่งห่างจากชายหาดประมาณ 300 เมตร โดยใช้เวลาในการจับ 2 วัน 2 คืน และนำตัวไปพักไว้ที่บ่อเลี้ยงภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต) บ้านพารา ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เป็นการชั่วคราว ระหว่างรอผลการตรวจพันธุกรรมของเจ้าเลพัง จระเข้ตัวดังกล่าว ว่าเป็นสายพันธุ์แท้หรือสายพันธุ์ผสม เพื่อตัดสินใจในการนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในพื้นที่ที่เหมาะสมต่อไป

และวันนี้ (29 ก.ย. 60) จากการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าว เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดูแลจระเข้เลพัง อยู่ภายในศูนย์วิจัยฯ และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแล ทราบว่า ในแต่ละวันเลพังจะนอนแช่น้ำอยู่นิ่งๆ และมีการเคลื่อนไหวร่างกายตามปกติ สภาพทั่วไปแข็งแรงสมบูรณ์ดี และภายในบ่อมีการก่อกองทราย โดยใช้ไม้ล้อมกรอบเป็นสี่เหลี่ยม เพื่อให้เลพังได้ขึ้นไปนอนพัก ซึ่งในช่วง 28 วัน ที่นำมาพักฟื้นในบ่อดังกล่าว ได้มีการให้อาหารทั้งปลาเป็นและปลาตายลงไปในบ่อ รวมทั้งเนื้อไก่ แต่เลพังก็ไม่ยอมกิน แม้จะใส่ตะแกรงแล้วนำไปใกล้ปากก็ไม่สนใจ

กระทั่งวันนี้ได้ทดลองนำซี่โครงไก่ใส่เข้าไปในปาก และเลพังก็ได้กลืนเข้าไปทันที สร้างความดีใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายในเดือนตุลาคมนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะได้มีการนำเสนอผลการตรวจดีเอ็นเอของเลพังที่ชัดเจน และเมื่อทราบผลแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้มีการประชุมหารือแนวทางในการนำเจ้าเลพังไปไว้สถานที่ที่เหมาะสมต่อไป










