คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแก้มาตรา 7 พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ให้ไม้ทุกชนิดที่ปลูกในดินกรรมสิทธิ์ไม่ใช่ไม้สงวนหวงห้าม การทำไม้ไม่ต้องได้รับการอนุญาตอีกต่อไป เว้นแต่กรณีที่ต้องการส่งออกไม้ หรือผลิตภัณฑ์ออกนอกราชอาณาจักรจะต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่
วันที่ 8 ส.ค. 2561 นายณัฐพล จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่…) พ.ศ… ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ
สาระสำคัญคือ การแก้ไขให้ไม้ทุกชนิดที่ปลูกในที่ดินกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินไม่เป็นไม้หวงห้าม การทำไม้ไม่ต้องได้รับการอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่อีกต่อไป เว้นแต่กรณีที่ต้องการส่งออกไม้หรือผลิตภัณฑ์ออกนอกราชอาณาจักรจะต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ จึงต้องแก้ไขมาตรา 7 ของ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 กรณีไม้ชนิดใดที่หน่วยงานของรัฐจะสงวนหวงห้ามให้ไปกำหนดในพระราชกฤษฎีกา หลังจากนี้ให้ ทส.เร่งดำเนินการตามขั้นตอนและเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา
ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีที่ดินของตัวเองสามารถปลูกไม้มีค่าได้ เพื่อสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ และสร้างรายได้ให้ครัวเรือน รวมถึงเพิ่มพื้นที่ป่าและความชุ่มชื้น และสามารถที่จะใช้ไม้เหล่านี้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันได้อีกด้วยเป็นการปลูกป่าสร้างรายได้และสามารถที่จะลดการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าลงได้อีกทางหนึ่ง
สำหรับ พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 กำหนดชนิดไม้สงวนหวงห้ามไว้ ประกอบกับประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 106/2557 ได้กำหนดให้ไม้หวงห้ามชนิดไม้สัก ไม้ยาง ไม้ชิงชัน ไม้เก็ดแดง ไม้อีเม่ง ไม้พะยูงแกลบ ไม้กระพี้ ไม้แดงจีน ไม้ขะยุง ไม้ชิก ไม้กระซิก ไม้กระซิบ ไม้พะยูง ไม้หมากพลูตั๊กแตน ไม้กระพี้เขาควาย ไม้เก็ดดำ ไม้อีเฒ่า และไม้เก็ดเขาควาย ไม่ว่าขึ้นในที่ใดในราชอาณาจักรไทย รวมถึงที่ดินในกรรมสิทธิ์ เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ต้องถูกควบคุมโดย พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484
และที่ผ่านมาได้มีการเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว และจากนโยบายของรัฐบาลในการที่จะสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์ และปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย จากนั้น ทส.จึงได้พิจารณาแก้ไขร่างกฎหมายนี้ เพื่อให้มีการปลูกป่าเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น สร้างรายได้ให้ประเทศสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560-2564
