แนวทางในการลดฝุ่น ทั้ง 5 แนวทางเพื่อให้ฝุ่นพิษ PM 2.5 ลดลง พร้อมทั้งสร้างความตระหนักรู้ถึงฝุ่นอันตราย ทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว


สร้างความตระหนักรู้ถึงอันต
มาตรการระยะสั้น (ภายใน 1 ปี)
– สร้างความตระหนักรู้ถึงอันต
– เพิ่มจุดตรวจวัดคุณภาพอากาศ
มาตรการระยะกลางและยาว (1-3 ปี)
– ส่งเสริมงานวิจัยเพื่อประเม
– สร้างความตระหนักรู้ถึงอันต
– ปรับเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพอากา

เนื่องจากฝุ่นพิษ PM 2.5 ส่วนหนึ่งถูกพัดมาจากประเทศ
– ขอความร่วมมือและสร้างข้อตก
– พิจารณาเตรียมศึกษาและนำมาต

ลดการปล่อยฝุ่นพิษจากการเผา
มาตรการระยะสั้น (ภายใน 1 ปี)
– เคร่งครัดการตรวจจับควันดำ และการดัดแปลงเครื่องยนต์ใน
มาตรการระยะกลาง (ภายใน 1-3 ปี)
– มีการจำกัดปริมาณรถยนต์ในบร
– เพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งม
– ปรับปรุงแผนและการจัดการด้า
– เก็บภาษีสิ่งแวดล้อมและสุขภ
– เก็บภาษีเพิ่มสำหรับรถยนต์ท
– ยกระดับมาตรฐานน้ำมันและไอเ
– เนื่องจากเครื่องยนต์ไอเสีย
มาตรการระยะยาว (ตั้งแต่ 3 ปี ขึ้นไป)
– ควรส่งเสริมและเตรียมความพร

ลดฝุ่นพิษจากการเผาในที่โล่งแจ้งในภาคเกษตร
มาตรการระยะสั้น (ภายใน 1 ปี)
– ลดการเผาในที่โล่งแจ้งโดยขอความร่วมมือจากเกษตรกรและภาคเอกชนผู้รับซื้อผลผลิตทางการเกษตร
– สร้างความตระหนักรู้ให้กับเกษตรกรถึงผลเสียจากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร
– หากมาตรการขอความร่วมมือไม่สำเร็จ ควรออกมาตรการงดเผาในช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปีในทุกพื้นที่ ซึ่งในปัจจุบันมาตรการงดเผาส่วนใหญ่จะเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน ทำให้เกษตรกรหลายพื้นที่ชิงเผาก่อนที่จะถึงเวลางดเผา จึงทำให้มลพิษจากการเผาไปซ้ำเติม มลพิษที่หนักอยู่แล้วในเดือนมกราคม
มาตรการระยะกลาง (ภายใน 1-3 ปี)
– ส่งเสริมให้เกษตรกรนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาทำปุ๋ยหมักในทุกพื้นที่ พร้อมพิจารณาให้เงินช่วยเหลือเกษตรกรต่อไร่ เพื่อชดเชยกับต้นทุนที่ต้องจ่ายเพิ่มกรณีไม่เผา แต่ต้องไม่ลืมว่าปกติถ้าเผาต้นทุนของเกษตรกรคือไม้ขีดไฟก้านเดียว แต่ถ้าไม่เผาต้นทุนในการจัดการจะเพิ่มขึ้นประมาณ 500 บาทต่อไร่ จากการสัมภาษณ์ ปัจจุบันทางกระทรวงเกษตรมีโครงการลักษณะแบบนี้อยู่แล้ว แต่งบประมาณค่อนข้างน้อยและพื้นที่ครอบคลุมจำกัดโดยเน้นไปที่จุด Hotspot สำคัญเท่านั้น จึงไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์
– เนื่องจากมลพิษเกิดขึ้นเพราะไม่มีตลาดรองรับเหมือนสินค้าทั่วไป ดังนั้นควรจะต้องส่งเสริมตลาดให้กับมลพิษซึ่งสามารถทำได้ผ่านการส่งเสริมตลาดวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ปัจจุบันฟางข้าวบางส่วนถูกมัดเป็นก้อนเพื่อนำไปเป็นอาหารสัตว์ เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มจากการขายฟางข้าวประมาณ 250-500 บาทต่อไร่ (ฟางราคาก้อนละ 10-15 บาท) ขณะที่ต้องเสียค่าอัดฟางก้อนประมาณ 150-225 บาทต่อไร่ แต่การทำในลักษณะนี้ยังไม่แพร่หลายทั่วประเทศ มีเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้นที่ใกล้กับแหล่งปศุสัตว์ ถ้าขยายตลาดรับซื้อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ น่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบได้
มาตรการระยะยาว (ตั้งแต่ 3 ปี ขึ้นไป)
– ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าโดยใช้ฟางข้าว และเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ซึ่งมีงานวิจัยในประเทศที่ศึกษาและค้นพบว่าการผลิตไฟฟ้าในลักษณะนี้จะก่อให้เกิดความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์ และสามารถทำได้จริง (Delivand et al. 2011; Suramaythangkoor et al. 2011) เช่น ถ้าสร้างโรงไฟฟ้าด้วยกำลังการผลิต 8 และ 10 เมกกะวัตต์ ในช่วงเวลา 20 ปี โครงการจะสร้างมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ที่ ประมาณ 30 และ 90 ล้านบาท ตามลำดับ การทำในลักษณะนี้จะช่วยทำให้เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมีราคาขึ้นมาจากเดิมที่ต้องเผาเท่านั้น

การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงจาก
มาตรการระยะสั้น (ภายใน 1 ปี)
– ควรเคร่งครัดการตรวจสอบการป
มาตรการระยะกลาง (ภายใน 1-3 ปี)
– เร่งส่งเสริมและยกระดับการผ
มาตรการระยะยาว (ตั้งแต่ 3 ปี ขึ้นไป)
– ส่งเสริมเทคโนโลยีการผลิตที









