
ประเด็นคือ – แนวโน้มเด็กไทยสมาธิสั้น เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนครพนม พบว่ามีปัญหานี้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ทำให้หน่วยงานในพื้นที่ เร่งอบรมพ่อแม่ผู้ปกครองในการดูแลบุตรหลาน เนื่องจากอาการสมาธิสั้น สามารถรักษาให้หายได้ แต่หากละเลย อาจส่งผลให้เด็กมีแนวโน้มก้าวร้าว และเสี่ยงต่อการติดยาเสพติดได้
วันที่ 18 ธ.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผอ.รพ.จิตเวชนครพนมราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการให้การดูแลปัญหาสุขภาพจิตเด็ก พฤติกรรมเด็กที่ผ่านมา พบว่า ปัจจุบันมีแนวโน้มเป็นเด็กสมาธิสั้นมากขึ้น ผลสำรวจล่าสุดของกรมสุขภาพจิต ปี 2559 พบเด็กป่วยเป็นโรคสมาธิสั้นร้อยละ 5.38 หรือประมาณ 2-3 คน ในห้องเรียนที่มีเด็ก 50 คน

เฉพาะจังหวัดนครพนม รพ.จิตเวชนครพนมฯ พบว่าปี 2560 มีเด็กสมาธิสั้น 1,655 คน เพิ่มจากปี 2558 ร้อยละ 28 ซึ่งอาการนี้ สามารถรักษาให้หายได้ แต่หากไม่ได้รับการดูแล เมื่อโตขึ้นเด็กสมาธิสั้นมีโอกาสกลายเป็นวัยรุ่นเกเรและต่อต้านสังคมได้มากกว่าเด็กปกติ 3-4 เท่าตัว จะควบคุมอารมณ์ ความต้องการของตัวเองได้น้อย เสี่ยงถูกชักจูงให้ใช้สารเสพติดได้ง่าย
รพ.จิตเวชนครพนมฯ มีการจัดอบรมครูและผู้ปกครอง ให้เข้าใจและสามารถดูแลเด็กสมาธิสั้นได้อย่างถูกต้อง โดยสามารถติดตามข้อมูลได้ที่ WWW.JVNKP.NET

ด้าน พญ.ปวีณา แพพานิช จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น รพ.จิตเวชนครพนมฯ กล่าวว่า โรคสมาธิสั้น เกิดจากกรรมพันธุ์ และพบได้ในแม่ที่ขาดสารอาหาร ดื่มสุรา สูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์ จะมีโอกาสมีลูกเป็นสมาธิสั้นสูง ทำให้พัฒนาการของสมองบกพร่องบางส่วน มีปริมาณสารสื่อประสาทในสมอง น้อยกว่าเด็กปกติ
พบแสดงอาการตั้งแต่ก่อนอายุ 7 ปี ในเด็กผู้ชายมากกว่าผู้หญิงโดยมี 3 กลุ่มอาการ ได้แก่ อาการขาดสมาธิ อาการหุนหันพลันแล่น และซน อยู่ไม่นิ่ง บางคนอาจจะไม่ซน แต่ขาดสมาธิ ทั้งนี้ การดูโทรทัศน์หรือเล่นเกมคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ สามารถทำให้เด็กขาดสมาธิไม่จดจ่อได้เช่นกัน









