แบงก์ชาติ ออกมาตรการกำกับดูแล ธ.พาณิชย์ ที่มีความสำคัญเชิงระบบ

แบงก์ชาติ ออกมาตรการกำกับดูแล ธ.พาณิชย์ ที่มีความสำคัญเชิงระบบ

ประเด็นคือ – ธปท.ออกมาตรการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญเชิงระบบ เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินของประเทศให้เข้มแข็งขึ้น และเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล

วันที่ 26 ก.ย. 60 นางฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มุ่งเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจการเงินที่มีเสถียรภาพและมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยกำกับดูแลให้สถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (Domestic Systemically Important Banks: D-SIBs) มีความสามารถในการรองรับความเสียหายจากการดำเนินงานได้ดียิ่งขึ้น อันจะเป็นการส่งเสริมให้ระบบสถาบันการเงินโดยรวมของประเทศมีเสถียรภาพ และเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล โดยเงินฝากของประชาชนไม่ถูกกระทบและจะยิ่งมั่นคงมากขึ้น เพราะเกณฑ์ใหม่นี้จะช่วยยกระดับความเข้มแข็งของสถาบันการเงินโดยรวม

นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในการกำหนดธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบ ธปท. พิจารณาปัจจัย 4 ด้าน ได้แก่ (1) ขนาดของสถาบันการเงิน (Size) (2) ความเชื่อมโยงในการทำธุรกรรมระหว่างกัน (Interconnectedness) (3) การเป็นผู้ให้บริการทางการเงินที่สำคัญหรือการเป็นผู้ให้บริการหลักในโครงสร้างพื้นฐานของระบบสถาบันการเงิน (Financial institution infrastructure) และ (4) ความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์ทางการเงินหรือกระบวนการดำเนินธุรกิจ (Complexity) ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติตามมาตรฐานสากลที่ผู้กำกับดูแลในต่างประเทศใช้

ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้างต้นมีจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

ธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญเชิงระบบต้องดำรงเงินกองทุนชั้นที่ 1 เพิ่มจากอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำอีก 1% ภายในปี2563 โดยให้ทยอยดำรงเพิ่มขึ้นในอัตรา 0.5% ในปี2562 และปี 2563 ตามลำดับ รวมทั้งจะต้องปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ การรายงานข้อมูลต่างๆ ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญเชิงระบบทุกแห่งมีความแข็งแกร่ง มีเงินกองทุนอยู่ในระดับสูงกว่าอัตราที่ ธปท. กำหนดมาก และเพียงพอรองรับการดำรงเงินกองทุนส่วนเพิ่มตามมาตรการดังกล่าว

 

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง