‘กรุงไทย’ กับภารกิจ พาคนตัวเล็ก เข้าถึงการเงินดิจิทัล

‘กรุงไทย’ กับภารกิจ พาคนตัวเล็ก เข้าถึงการเงินดิจิทัล

การเงิน

ท่ามกลางการแข่งขันด้านเทคโนโลยีการเงินที่รุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ระบบการชำระเงินของไทยได้เร่งพัฒนาเข้าสู่ยุคที่บริการทางการเงินต้องเข้าถึงง่าย ปลอดภัย และใช้งานได้จริงสำหรับทุกคน

โดยเฉพาะเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคหันมาใช้ดิจิทัลแบงก์กิงเกือบเต็มรูปแบบ ขณะที่กลุ่มประชาชนรายได้น้อย ผู้สูงอายุ และแรงงานนอกระบบยังคงเป็นกลุ่มที่ต้องการการสนับสนุนเป็นพิเศษเพื่อให้ไม่หลุดออกจากระบบการเงินสมัยใหม

กลายเป็นโจทย์สำคัญที่ธนาคารพาณิชย์ต้องตอบ ทั้งในเชิงโครงสร้างพื้นฐานและความเท่าเทียมทางการเงิน (Financial Inclusion)
ธนาคารกรุงไทย (KTB) หนึ่งในสถาบันการเงินที่มีบทบาทเชิงนโยบายและเป็นกลไกสำคัญของรัฐ ที่มีแพลตฟอร์ม “เป๋าตัง” เป็นเครื่องมือกลางสำหรับประชาชนทุกกลุ่ม ตั้งแต่รับสวัสดิการรัฐ การเข้าถึงบริการภาครัฐ ไปจนถึงการใช้งานบริการทางการเงินในชีวิตประจำวัน 

แล้วการยกระดับโครงสร้างระบบการเงินไทยที่ต้องรองรับทั้งผู้ใช้งานดิจิทัลรุ่นใหม่และ “คนตัวเล็ก” ที่ยังต้องการความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดให้เข้าสู่ระบบการเงินออนไลน์ได้ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง TODAY Bizview ได้ไปร่วมงานแถลงข่าวกับธนาคารกรุงไทย ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน จะมาสรุปให้ฟังผ่านบทความนี้ 

[ พัฒนาแอปฯ เป๋าตังค์ให้ครอบคลุมคนตัวเล็ก มีบริการให้มาก และเสถียร ]

‘สุริพงษ์ ตันติยานนท์’ ประธานผู้บริหาร Retail Banking ธนาคารกรุงไทย อธิบายว่า จุดยืนของกรุงไทยแตกต่างจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไป เพราะมีรัฐบาลถือหุ้นใหญ่ผ่านกระทรวงการคลังถึง 55% ทำให้ธนาคารต้องบริหาร “สองบทบาท” ควบคู่กัน ทั้งการเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ และการทำภารกิจของรัฐในฐานะ “ธนาคารพาณิชย์ของรัฐ” ที่ต้องสร้างคุณค่าให้กับผู้ถือหุ้น ลูกค้า และสังคมไปพร้อมกัน ภายใต้กลยุทธ์สำคัญอย่าง “Better Life for All – ชีวิตที่ดีขึ้นเพื่อคนทั้งมวล” และเป้าหมายในการเป็นกลไกหลักในการพัฒนาประเทศ

หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดคือ “แอปเป๋าตัง” ซึ่งกรุงไทยพัฒนาให้เป็น Open Platform ที่เปิดให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการและสิทธิประโยชน์ของรัฐได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการ “คนละครึ่ง” ทั้งเฟส 1–2 ที่เป๋าตังมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับดิจิทัลสามารถลงทะเบียนและใช้สิทธิได้จริง 

ปัจจุบันแอปเป๋าตังมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 40 ล้านคน หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรไทย และในช่วงการลงทะเบียนต่างๆ พนักงานสาขากรุงไทยกว่า 960 สาขายังต้องออกพื้นที่ไปตามชุมชนและหมู่บ้าน เพื่อช่วยร้านค้าและประชาชนให้เข้าระบบได้อย่างราบรื่น

“แอปถุงเงินก็เป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ร้านค้าและประชาชนสามารถเข้าร่วมโครงการของรัฐได้ ซึ่งช่วงเปิดลงทะเบียนโครงการต่างๆ พนักงานสาขาของกรุงไทยต้องลงพื้นที่ ไปตามชนบทและหมู่บ้านต่างๆ เพื่อช่วยให้ประชาชนและร้านค้าสามารถขึ้นทะเบียนและใช้งานระบบได้อย่างถูกต้อง ทำให้ทุกคนสามารถเข้าสู่ระบบดิจิทัลและได้รับประโยชน์จากสวัสดิการของรัฐอย่างทั่วถึง” สุริพงษ์ กล่าว

จากบทบาทด้านสวัสดิการรัฐ กรุงไทยยังต่อยอดแอปและฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อเชื่อมต่อกับชีวิตประจำวันของคนไทยในหลายมิติ เริ่มจาก ภาคสุขภาพ ผ่าน Health Wallet ที่ให้ประชาชนตรวจสอบสิทธิด้านสุขภาพ เช่น โควต้ายาฟรีของรัฐ และค้นหาร้านขายยาใกล้ตัว รวมถึง Mini App “MDe Connect” ที่ช่วยแพทย์อัปเดตข้อมูล ออกใบรับรองแพทย์ หรือทำธุรกรรมเกี่ยวกับใบอนุญาตได้สะดวกขึ้น

ในด้านการศึกษา กรุงไทยพัฒนา University App ที่มีผู้ใช้งานกว่า 300,000 คน ช่วยให้นักศึกษาสามารถจ่ายค่าเทอม เช็กเวลาเรียน และดูข้อมูลกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัย และธนาคารยังเป็นเบื้องหลังระบบสำคัญของ กยศ. ที่ดูแลผู้กู้กว่า 7 ล้านคนทั่วประเทศ

ด้านการเงินและการลงทุน กรุงไทยพัฒนา SBM (Saving Bond Mobile) เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการซื้อพันธบัตรรัฐได้ง่ายขึ้น เริ่มต้นลงทุนได้ตั้งแต่ 100 บาท หรือแม้แต่ 1 บาท ช่วยผลักดัน Financial Inclusion ให้เป็นจริง พร้อมมี Gold Wallet สำหรับซื้อทองออนไลน์ และบริการรองรับผู้พิการทางสายตาผ่านระบบสั่งการด้วยเสียงในแอปเป๋าตัง

และอีกด้านที่หลายคนไม่รู้คือ บทบาทของกรุงไทยใน ภาครัฐและกระบวนการยุติธรรม ผ่านระบบ e-Filing ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทนายความหลายหมื่นคนและหน่วยงานรัฐ ให้สามารถจัดการเอกสารและข้อมูลได้อย่างรวดเร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2020 ถึงตุลาคม 2025 กรุงไทยมีบทบาทสำคัญในการสร้างผลตอบแทนกลับคืนสู่ประเทศรวมราว 246,000 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าเพิ่มจาก Capital Gain ประมาณ 124,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนผ่านราคาตลาดของหุ้นกรุงไทยที่กระทรวงการคลังถืออยู่ 55%

และอีกประมาณ 122,000 ล้านบาทในรูปของรายได้ที่ส่งคืนให้ภาครัฐ ทั้งภาษี เงินจ่ายเข้ากองทุน FIDF และเงินปันผลที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับฐานะการคลังของประเทศ 

[ 5 ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน ‘กรุงไทย’ ธนาคารพาณิชย์ของรัฐฯ สู่ภารกิจเพื่อคนไทยทุกกลุ่ม ]

ธนาคารกรุงไทย (KTB) วางยุทธศาสตร์หลัก 5 ด้านเพื่อขับเคลื่อนองค์กร สร้างคุณค่าให้ผู้ถือหุ้น ลูกค้า และภาครัฐ โดยยึดเป้าหมายสำคัญ “Better Life for All – ชีวิตที่ดีขึ้นเพื่อคนทั้งมวล” ซึ่งสะท้อนบทบาทของกรุงไทยในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐฯ ที่ต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่กับการพัฒนาประเทศ

      1. Outcome-driven Relationship เชื่อมต่อภาครัฐ–ภาคการเงินอย่างเป็นระบบ กรุงไทยใช้ความได้เปรียบด้านความเชื่อมโยงกับหน่วยงานรัฐในการสร้างบริการที่ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้ง Corporate, SME และรายย่อย พร้อมเชื่อมเข้ากับทุก Ecosystem สำคัญ เช่น สุขภาพ การศึกษา มวลชน และภาครัฐ เพื่อสร้างบริการที่ตอบโจทย์มากขึ้น
      1. New Growth Engines สร้างกลไกเติบโตใหม่ของธนาคาร องค์กรเดินหน้าหากลไกใหม่เพื่อขยายตลาด ไม่ว่าจะเป็น Virtual Bank ที่จะเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่และผู้ที่ยังไม่เคยเข้าระบบการเงิน การออก Investment Products สำหรับกลุ่ม Wealth และการยกระดับบริการลูกค้า Corporate S ให้ทัดเทียมธนาคารชั้นนำอื่นๆ
      1. Client Experience ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้ราบรื่นกว่าเดิม กรุงไทยมุ่งลด Pain point สำคัญ เช่น ความไม่สะดวกและคิวยาวที่สาขา พร้อมปรับปรุงบริการเพื่อช่วยลูกค้ารายย่อยและ SME ให้เข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
      1. Core Technology & Data เสริมความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีและข้อมูล ในฐานะหนึ่งในธนาคารที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเข้มแข็งที่สุด กรุงไทยเดินหน้าพัฒนาระบบหลักและ Data Capability ให้ทันสมัย สเกลได้ และรองรับการเติบโตของบริการดิจิทัลในอนาคต
      1. Culture Transformation พลิกวัฒนธรรมสู่องค์กรยุคใหม่ ธนาคารเร่งเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้มีความเป็น “new gen” และ “open” มากขึ้น ลดภาพความเป็นกึ่งหน่วยงานรัฐแบบสมัยก่อน ผ่านโครงการต่างๆ เช่น Hackathon เพื่อสร้างพนักงานที่คิดเร็ว ทำเร็ว และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงได้จริง
AyosiriWriterAyosiri
เป็นนักข่าวการเงิน สนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด ประวัติศาสตร์ อยากสื่อสารให้เรื่องเป็นเงินสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
‘กรุงไทย’ กับภารกิจ พาคนตัวเล็ก เข้าถึงการเงินดิจิทัล