
แม่และน้าสาวของนักศึกษาปี 2 เข้าแจ้งความเอาผิดกับรุ่นพี่ปี 3 ซ้อมลูกชายจนม้ามแตกอาการสาหัส ขณะที่อธิการบดีเผย กลุ่มรุ่นพี่ดังกล่าว เคยซ้อมรุ่นน้องปี 1 ได้รับบาดเจ็บมาแล้ว เมื่อสัปดาห์ก่อน
วันที่ 20 ก.ค. 61 น.ส.ประสบสุข เชียงเชาว์ไว อายุ 37 ปี เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว กรณีนายปวริศ รังสิต หรือเปา อายุ 19 ปี ลูกชาย เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ย่านทุ่งมหาเมฆ
ได้ถูกรุ่นพี่ชั้นปีที่ 3 คณะเดียวกัน สั่งทำโทษในลักษณะการธำรงวินัยแบบทหาร และทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อย จนม้ามแตก ต้องเข้ารับการผ่าตัด และนอนพักรักษาตัวในห้องไอซียู รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ตั้งแต่บ่ายวันที่ 19 ก.ค. 61
https://www.youtube.com/watch?v=_kS0Q6B_IgI
น.ส.ประสบสุข เชียงเชาว์ไว เล่าว่า ปัจจุบันได้เลิกกับสามีมาได้สักระยะแล้ว ปกติไม่ได้อาศัยกับลูกชาย เนื่องจากที่ทำงานอยู่ไกล จึงได้ให้ลูกชายอาศัยน้องสาวของเธอเอง (น้าของนายปวริศ) กระทั่งเช้าวันที่ 19 ก.ค. น้องสาวโทรศัพท์มาบอกว่า ต้องพาหลานนายปวริศเข้าทำการผ่าตัดจากอาการม้ามแตกที่ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า
จึงเดินทางไป รพ. สอบถามเจ้าตัวและเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกัน ทีแรกทุกคนไม่มีใครกล้าบอก ต้องคาดคั้นความจริงอยู่นานกว่าจะยอมพูดความจริง ว่าโดนรุ่นพี่ปี 3 คณะเดียวกัน จำนวน 2-3 คน สั่งทำโทษและร่วมกันทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

ด้าน น.ส.รุ่งโรจน์ ขวัญโกมล อายุ 36 ปี น้าสาวนายปวริศ บอกว่า ช่วงกลางดึกวันที่ 18 ก.ค. นายปวริศกลับจากมหาวิทยาลัย ด้วยอาการอิดโรย หน้าซีด และบ่นว่ารู้สึกเจ็บปวดกล้ามเนื้อตามร่างกาย เนื่องจากไปเล่นฟุตบอลและเพิ่งออกกำลังกายกลับมา จึงได้ให้ทานยาแก้ปวดและยาคลายกล้ามเนื้อ ก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อน
กระทั่งเวลาตี 4 วันที่ 19 ก.ค. นายปวริศมาเคาะห้องแล้วบอกว่าให้ช่วยพาไปหาหมอ เนื่องจากมีอาการอาเจียนและถ่ายท้องไม่หยุด จึงพาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการกระทั่งหลานยอมพูดความจริงว่าถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกาย โดยผลตรวจเบื้องต้น แพทย์แจ้งว่า นายปวริศมีเลือดออกในช่องท้องเพราะม้ามแตก และต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาม้ามออก โดยขณะนี้ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และนอนดูอาการในห้องไอซียู
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ ห้องไอซียู รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า พบกลุ่มเพื่อนร่วมสถาบันของนายปวริศ ผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งชายและหญิงกว่า 20 คน มารวมตัวกันเพื่อติดตามอาการของนายปวริศด้วยความห่วงใย

นายหนุ่ย (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี เพื่อนสนิท ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา พวกตนซึ่งเป็นนักศึกษาชายจำนวน 6 คน รวมถึงนายปวริศ กำลังเดินทางออกจากสถาบันหลังเลิกเรียน มีรุ่นพี่ปี 3 จำนวน 3 คน ทราบเพียงชื่อเล่น 2 คน คือ นายเต๋า และ นายกาย ส่วนอีกคนไม่ทราบชื่อ ได้มาแจ้งให้พวกตนทราบ
ว่าพวกตนมีพฤติกรรมไม่เหมาะกับการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 เนื่องจากพวกตนไม่สามารถทำให้รุ่นน้องปี 1 อยู่ในระเบียบวินัยและให้การเคารพเชื่อฟังบรรดานักศึกษารุ่นพี่ๆ ได้ ดังนั้นพวกตนซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ต้องรับโทษร่วมกัน จากนั้นพวกตนจึงถูกรุ่นพี่ทั้ง 3 คนนั้นสั่งให้ลุกนั่ง วิดพื้น และออกกำลังตามคำสั่งในลักษณะธำมรงค์วินัยแบบทหาร ตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00-20.00 น. ของวันดังกล่าว

ระหว่างที่พวกตนปฏิบัติตามคำสั่งนั้น นายเต๋า และ นายกาย ได้ใช้กำปั้นชกเข้าที่หน้าท้องพวกตนเป็นระยะๆ จนนายปวริศทนไม่ไหวฟุบลงกับพื้น การสั่งทำโทษจึงยุติ พวกตนจึงช่วยพานายปวริศไปปฐมพยาบาล โดยตอนแรกคิดว่าแค่จุกและเกิดอาการเป็นลมธรรมดา ก็แยกย้ายกันกลับบ้านไป จนช่วงบ่ายวันที่ 19 ก.ค. 61 ทราบข่าวอีกทีว่านายปวริศม้ามแตกต้องเข้ารับการผ่าตัด จึงชวนกันมาเยี่ยม

อธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ ยอมรับ รุ่นพี่ที่ก่อเหตุเพิ่งซ้อมนักศึกษาปี 1 เจ็บ
ขณะที่ เมื่อเวลา 13.00 น. นายสุกิจ นิตินัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชมงคลกรุงเทพ เเถลงการณ์กรณีดังกล่าวว่า ตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยกำลังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนนักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ทั้งหมดเพื่อหาคนผิดให้ที่ชัดเจน และจะทำการลงโทษตามระเบียบวินัยของมหาวิทยาลัยต่อไป
ส่วนเรื่องข่าวลือเกี่ยวรุ่นพี่ปี 3 กลุ่มนี้เคยทำร้ายร่างกายน้องปี 1 จนหูฉีก ทางมหาวิทยาลัยยอมรับว่า เมื่อสัปดาห์ที่เเล้วนักศึกษากลุ่มนี้จาก 2 ใน 3 คน เคยทำร้ายร่างกายนักศึกษาปี 1 เเต่ไม่ถึงขั้นหูฉีกตามที่ข่าวลือ ซึ่งเรื่องนี้ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน เเละยืนยันว่าทั้งสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกัน

คนเราอยู่ได้หรือไม่ ถ้าม้ามแตกต้องผ่าออก
- ม้ามมีไว้ทำไม ไม่มีม้ามได้หรือไม่
ศาสตราจารย์คลินิก นพ.ปรีชา ศิริทองถาวร ศัลยแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ระบุว่า ม้ามเป็นตัวกรองเลือดและสร้างภูมิคุ้มกัน ถ้าหากไม่มีม้ามอาจจะทำให้ภ ูมิคุ้มกันลดลงไปบ้าง และเกล็ดเลือดอาจจะเพิ่มมาก ขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะส่งผลให้เกล็ดเลือดแข ็งตัวง่าย ทำให้หลอดเลือดตันได้ง่ายเช ่นกัน - ทำอย่างไรเมื่อไม่มีม้าม
ควรจะต้องระมัดระวังในเรื่องของการติดเชื้อ เพราะจะมีโอกาสติดเชื้อง่าย กว่าปกติ แต่ไม่ถึงกับเป็นอันตรายร้า ยแรงใดๆ สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ โดยการดูแลรักษาตัวเองหลังจ ากที่ไม่มีม้าม นพ.ปรีชา ก็ยังเน้นย้ำในเรื่องของภูม ิคุ้มกันที่ลดลง ควรจะต้องทำการรักษาด้วยการ ไปให้วัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กั บตนเอง
อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์ : workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว
ยูทูบ: workpoint news
ทวิตเตอร์: workpoint news
อินสตาแกรม: workpointnews









