
ประเด็นคือ – จากกรณีหญิงวัย 51 ปี ถูกเก๋งชนแล้วหนี ล่าสุดคนขับมอบตัว เผยยังไม่ชินกับรถเพราะเพิ่งซื้อมา และตกใจจึงไม่ได้ลงไปช่วย ด้าน ตร.โต้ไม่เป็นความจริง หลังโดนหาว่าไม่รับแจ้งความ
วันที่ 19 ก.พ. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นางกนกรัตน์ คิ้วงาม อายุ 51 ปี ถูกรถเก๋งสีดำคันหนึ่ง เสียหลักพุ่งชน จนร่างกระเด็นกระแทกพื้น ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่รถคู่กรณีจะขับหลบหนีไป โดยภาพวงจรปิดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งภายในซอยธนสิทธิ์ ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ สามารถจับภาพไว้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น วันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา
โดยผู้เสียหายระบุว่า หลังเกิดเหตุได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธรับแจ้งความดำเนินคดี ให้แค่ลงบันทึกประจำวัน โดยระบุว่า ถ้าหากจะดำเนินคดีให้ผู้เสียหายไปขอภาพกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเอง ซึ่งคลิปวิดีโอนี้ ผู้เสียหายไปขอเอง แต่ด้วยทะเบียนรถเห็นไม่ชัดเจน จึงนำเรื่องมาร้องเรียนต่อทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ให้ช่วยตามหารถเก๋งสีดำคันก่อเหตุ

ล่าสุด นายโยธิน แก้วนุ่ม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นำตัว นายเศรษฐศักดิ์ ฝ่าฝน อายุ 28 ปี คนขับรถเก๋งฮอนด้าแจ๊สสีดำ หมายเลขทะเบียน ฌป 7154 กทม. พร้อมกับรถคันดังกล่าว เข้าพบกับ ร.ต.อ.วัฒนกิจ ยอดอาจ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางพลี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมพูดคุยไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหาย หลังจากที่ นายเศรษฐศักดิ์ ก่อเหตุแล้วหลบหนี โดยทางด้านพนักงานสอบสวนได้นัดทั้งคู่มาไกล่เกลี่ยพูดคุยกัน
นางกนกรัตน์ คิ้วงาม อายุ 51 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่าขณะที่ตนเองกำลังเดินไปซื้อกับข้าว อยู่ๆ ก็มีรถคู่กรณีขับพุ่งเข้ามาชนอย่างจัง โดยไม่ทันกระโดดหลบแต่อย่างใด ซึ่งวินาทีนั้นตนเองยอมรับว่าตกใจและคิดในใจว่าไม่รอดแน่ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตนไม่ได้สลบ และพยายามมองหาคนที่ขับรถชน แต่เก๋งได้ขับหายไปแล้ว จนกระทั่งมีคนมาช่วยเหลือส่งโรงพยาบาลและได้เดินทางเข้าแจ้งความไว้ แต่ผ่านไปแล้ว 2 วัน เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงปรึกษาญาติร้องเรียนต่อสื่อมวลชน ให้ช่วยตามหารถคันดังกล่าว

ด้านคนขับรถเก๋งคู่กรณีเล่าให้ฟังว่า ตนเองเพิ่งออกรถมือสองคันดังกล่าวมาได้ประมาณ 1 เดือน และยอมรับว่ายังไม่ชินกับรถ วันเกิดเหตุขับออกมาจากหมู่บ้านใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เมื่อเลี้ยวซ้ายออกถนนหลัก จึงเหยียบคันเร่งจนรถพุ่งแรง ด้วยความไม่ชินต่อรถจึงตกใจหักเลี้ยวกะทันหัน ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนคู่กรณีดังกล่าว ซึ่งตอนนั้นตนเองยอมรับว่า รู้ว่าชนคนแต่ที่ไม่จอดดูนั้นเพราะตกใจ จึงรีบขับออกจากจุดเกิดเหตุ กว่าจะตั้งสติได้ตนเองก็ไม่รู้จะต้องติดต่อใคร และไม่คาดคิดว่าคนที่ตนเองชนนั้นจะกลายเป็นคนรู้จัก และอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน จนมีผู้ใหญ่บ้านมาแจ้งเรื่องดังกล่าว จึงเดินทางเข้าพบกับพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและพร้อมออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้าน ร.ต.อ.วัฒนกิจ ยอดอาจ พนักงานสอบสวน ได้ออกมาโต้ข่าวที่ระบุว่า ไม่รับแจ้งความให้เพียงลงบันทึกประจำวัน และให้ผู้เสียหายไปหาภาพวงจรปิดเองนั้น ไม่เป็นความจริง ตนเองหลังจากได้รับแจ้งก็เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสอบสวนหาพยานที่เห็นเหตุการณ์ โดยมีพยานที่จำได้เพียงตัวเลขทะเบียนเท่านั้น ส่วนหมวดอักษรจำไม่ได้ จึงไล่ตรวจสอบไม่เจอ จนประสานหาพยานแวดล้อม โดยประสานไปยังผู้ใหญ่บ้านจนทราบตัวจึงเชิญมาพบเพื่อสอบปากคำในครั้งนี้
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตั้งข้อหา ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ชนผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร โดยไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที พร้อมกับต้องแจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล ของตน และหมายเลขทะเบียนรถแก่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย โดยเจ้าหน้าที่เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อส่งอัยการฟ้องศาลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป









