
จากข่าวดังที่สร้างความสะเทือนใจให้กับสังคม กรณีที่ นายจรูญ มณีพันธ์ อายุ 82 ปี หรือ คุณตาซาเล้ง ถูกโจ๋หัวร้อน นายนราธร โสดติยัง อายุ 21 ปี ทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นานนัก ซึ่งทางนายนราธรก็ได้เจรจาชดใช้ค่าเสียหายให้ครอบครัวคุณตาเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ส่วนในทางคดีอาญา ที่ไม่อาจยอมความกันได้ ก็ต้องว่ากันไปตามขบวนการ
โดยระหว่างที่คุณตาพักรักษาตัวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ก็มีผู้บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัวคุณตาเป็นจำนวนมาก โดยมีกรรมการเข้ามาดูแลการเบิกจ่าย เพื่อให้เป็นทุนในการเลี้ยงดู คุณยายฉลวย จริตเอก วัย 71 ปี ภรรยาของคุณตา อีกทั้งทางหน่วยงานราชการ อาทิ กระทรวงยุติธรรม ก็ได้ให้เงินเยียวยาจำนวน 1 แสนบาท
ต่อมากรรมการที่ดูแลเงินบริจาค ก็ได้นำเงินส่วนหนึ่งมาปลูกบ้านให้กับคุณยาย ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ตามความต้องการของคุณยาย เพื่อที่จะอยู่กับลูกสาวในช่วงบั้นปลายชีวิต

ทุกอย่างทำท่าดำเนินไปได้ด้วยดี แต่กลับมีข่าวแง่ลบออกมาเป็นระยะ อย่างเมื่อไม่กี่วันก่อน นายเตชะ ทับทอง กรรมการที่ดูแลเงินบริจาค ได้โพสต์ข้อความแฉพฤติกรรมของลูกสาวของคุณยายว่า ได้ไปรับเงินชดเชยจำนวน 1 แสนบาท จากกระทรวงยุติธรรม แต่ไม่ได้นำเข้าบัญชีกลางตามที่ตกลงกันไว้ โดยลูกสาวได้อ้างกับคุณยายว่า จะนำเงินไปซื้อของเข้าบ้าน
และในคืนต่อมา เมื่อนายเตชะไปเยี่ยมคุณยาย ก็ได้เห็นแม่ลูกทะเลาะกัน ซึ่งสิ่งที่ทำเขารับไม่ได้ก็คือถ้อยคำรุนแรงที่ลูกสาวด่าทอผู้เป็นแม่ และในคืนนั้นลูกสาวก็ปล่อยให้คุณยายนอนอยู่บ้านคนเดียว ส่วนตัวเองเหมารถสองแถวไปดูลิเกข้ามจังหวัด
เรื่องวุ่นวายยังไม่จบเท่านั้น เพราะในวันต่อมา แหวนทองของคุณยายได้หายไป โดยคุณยายเชื่อว่า เป็นฝีมือของบุตรสาว จึงได้โทรบอกลูกชายที่อยู่ จ.ลพบุรี ให้รับและพาไปแจ้งความที่ สน.
ในวันนั้นตำรวจได้โทรแจ้งให้ลูกสาวของคุณยายมาให้ปากคำที่โรงพัก แต่เธอก็ไม่ได้เดินทางมา และวันต่อมาเมื่อผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านคุณยาย ก็พบทั้งลูกสาว ลูกชาย อยู่กันพร้อมหน้า ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์ของคุณยาย ก็เหมือนว่าเรื่องต่างๆ สามารถตกลงกันได้แล้วภายในครอบครัว

แต่ในช่วงสายของวันที่ 17 พ.ค. 61 ก็มีข่าวคราวออกมาอีกว่า บัญชีธนาคารเล่มหนึ่งของคุณยาย ที่มีเงิน 1.9 แสนบาท ได้หายไป คุณยายจึงรีบเดินทางไปที่ธนาคารในตัวเมือง และเมื่อมีการประสานงานระหว่างสาขา ก็พบว่าเงินในบัญชียังอยู่ครบ ทำให้คุณยายใจชื้นขึ้น แต่ก็ยังเชื่อว่า ผู้เป็นบุตรสาวได้เอาสมุดบัญชีของตนไปเก็บไว้
เรื่องอีรุงตุงนังยังไม่จบเท่านั้น เพราะเมื่อผู้สื่อข่าวโทรไปสอบถามลูกสาวคุณยาย เพื่อให้ชี้แจงถึงเรื่องวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้น เธอก็ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อีกทั้งยังกล่าวว่า ถ้าเงินแม่หายไปก็เป็นฝีมือของพี่ชาย เพราะพี่ชายมีประวัติอาชญากรรม เคยถูกจับในคดีเล่นการพนัน
ซึ่งเหตุการณ์ที่คุณตาโดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ก็สร้างความสะเทือนใจให้กับสังคมเป็นอย่างมาก จนหลายคนต้องการช่วยเยียวยาให้กับครอบครัวของผู้สูญเสีย จนมีเงินบริจาคเข้ามามากมาย แต่แล้วกลับมีข่าวความร้าวฉาน ที่สร้างความสะเทือนใจซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก ที่ไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร ?
และไม่รู้ว่า จะต้องช่วยเหลือเยียวยากัน ด้วยอะไร ?









