
ชาวบุรีรัมย์อ่วมไม่สามารถสัญจรผ่านทางได้หลังเกิดกลุ่มควันขนาดใหญ่จากไฟไหม้นาข้าวและไร่อ้อยบริเวณหมู่บ้านไทรโยง จนท.เร่งตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง
วันที่ 18 ก.พ. 2562 เกิดเหตุไฟไหม้ทุ่งนา และไร่อ้อย บริเวณบ้านไทรโยง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ทำให้เกิดกลุ่มควันหนาทึบ พวยพุ่งเป็นบริเวณกว้าง จนผู้ใช้เส้นทางมาถนนสายบุรีรัมย์ – ลำปลายมาศ มองไม่เห็นทาง บางคันต้องจอดรอให้กลุ่มควันเบาบางลง และหลายคันตัดสินใจเลี้ยวกลับไปใช้เส้นทางอื่น
จุดที่เกิดเหตุอยู่ใกล้ห้างร้านจำหน่ายสินค้า และบ้านเรือน ไฟลุกไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว กินพื้นที่กว่า 130 ไร่ ทำให้ชาวบ้านอยู่ในความตกใจ เกรงว่าไฟจะลามถึงบ้านเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างจรรยาธรรมสถานบุรีรัมย์ เทศบาล และอบต. ระดมรถดับเพลิงฉีดสกัดเพลิง และควบคุมควัน

เบื่องต้น ยังไม่สรุปสาเหตุของไฟไหม้ว่าเกิดจากการจุดไฟเผาตอซังของ หรือมาจากสาเหตุอื่น แต่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด แต่เหตุการณ์นี้ยังไม่สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ก่อนหน้านี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ออกมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากไฟป่าและหมอกควัน ประกาศเป็นเขตควบคุมการเผาในทุกกรณี เพื่อลดฝุ่น PM2.5 งดเผาในพื้นที่การเกษตร เช่น ไร่อ้อย นาข้าว หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติสาธารณสุข มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

โดยให้เปลี่ยนวิธีการกำจัดวัชพืช และผลผลิตทางการเกษตร เป็นการทำปุ๋ยหมัก หรือใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการเร่งการย่อยสลาย และขอความร่วมมือโรงงานน้ำตาลงดรับอ้อยเผา
ส่วนที่จังหวัดเลย ทหารมณฑลทหารบกที่ 28 รวม 20 นาย ร่วมลงแขกตัดอ้อย ที่บ้านซำพร้าว อำเภอผาขาว ช่วยเหลือเกษตรกรที่ขาดแคลนแรงงาน และรณรงค์ไม่ให้เกษตรกรชาวไร่อ้อย เก็บเกี่ยวอ้อยด้วยวิธีการเผาไร่อ้อยก่อนตัดส่งเข้าโรงงานน้ำตาล เพื่อลดฝุ่นละออง และป้องกันเพลิงไหม้ สาเหตุเกิดเพลิงไหม้ โดยจังหวัดเลย ออกประกาศห้ามเผาอ้อย และเผาป่าเด็ดขาด

การ “ตัดอ้อยเผาใบ” เป็นทำไร่แบบดั้งเดิม เกษตรกรชาวไร่อ้อยหลายพื้นที่ เนื่องจากโรงงานน้ำตาลจะรับซื้ออ้อยที่ไม่มีใบ แต่การจ้างแรงงานมาตัดใบ ทำให้เกษตรกรต้องลงทุนเพิ่ม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แนะนำตัวทางออก เช่น “การตัดอ้อยสดทิ้งใบคลุมดิน” เป็นนวัตกรรมเกษตรสมัยใหม่ ที่ไม่ทำให้เกิดการเผาไหม้ ที่เสี่ยงทำให้เกิดฝุ่นควัน ส่งผลต่อสุขภาพและสภาพอากาศ และอาจจะทำให้ไฟลุกลาม











