TCAS รอบ 3 ทำเด็กมึน-ไร้ที่เรียน ! ทปอ.นัดถกด่วนบ่าย 3 วันนี้

TCAS รอบ 3 ทำเด็กมึน-ไร้ที่เรียน ! ทปอ.นัดถกด่วนบ่าย 3 วันนี้

ในประเทศ

เด็กที่จบม.6 จำนวนมาก กำลังไม่มีที่เรียน ทั้งที่มหาวิทยาลัยจะเปิดเทอมในเดือนสิงหาคม เนื่องจาก ระบบ TCAS รอบ 3 ทำให้เกิดปัญหาลักลั่น “กั๊กที่เรียน” จนเกิดกระแสแฮชแท็ก #dek61 และ #TCAS

วันนี้ (30 พ.ค. 61 ) เวลา 15.00 น. ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย หรือ ทปอ. นัดประชุมเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา การรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ปีการศึกษา 2561 หรือ ระบบ TCAS (ทีแคส) รอบ 3 หลังมีเด็กร้องเรียนปัญหา “กั๊กที่นั่งเรียน”

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ทยอยประกาศผล TCAS รอบที่ 3 หรือ รอบรับตรงร่วมกัน

TCAS รอบ 3 นักเรียนสามารถเลือกได้ 4 อันดับ ไม่เรียงคะแนน สามารถติดได้ 4 อันดับที่เลือก เน้นจากคะแนนข้อสอบ แต่ TCAS รอบ 3 เป็นการเปิดให้เด็กทุกกลุ่ม ซึ่งรวมถึง เด็กเก่งในโครงการกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) ที่มีคะแนนสอบสูงกว่า เข้ามาเลือกและติดในคณะที่เด็กทั่วไปเลือกด้วย

โดยมีข้อสังเกตโดยสรุป คือ เด็กกลุ่มที่สอบแพทย์ได้แน่ๆ สามารถเลือกคณะที่ไม่เกี่ยวกลุ่มแพทย์ได้อีก 3 คณะ เช่น นิเทศศาสตร์ แต่เด็กที่อยากเรียนนิเทศศาสตร์จริงๆ จะหมดโอกาสสอบติด เพราะคะแนนสูงเกินไปจากคณะของเด็กเก่ง แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของเด็กกลุ่มแพทย์ แต่เป็นที่ระบบ ซึ่ง TCAS รอบ 3 เน้นตัวข้อสอบมากที่สุด จึงเป็นความหวังของเด็กส่วนใหญ่ที่อาจได้เกรดจากโรงเรียนเก่าไม่ดี และคะแนนไม่สูงระดับอัจฉริยะ

ขณะที่ “ที่นั่ง” ที่เหลือจะนำไปสมทบกับ TCAS รอบ 4 ซึ่งใช้ระบบแอดมิชชั่น ไม่ได้เรียกเด็กที่มีคะแนนรอง จึงทำให้คะแนนของผู้ที่จะสอบติดในรอบนี้สูงไปโดยปริยาย เช่น สาขารังสีเทคนิค มีคนสอบติดแต่ไม่มีคนเรียน เปิด 14 ที่นั่ง แต่เด็กที่มาสอบติด คือเด็กที่สอบติดแพทย์อยู่แล้ว

  • เด็กต้องการให้ ทปอ.เรียก “สำรอง” หรือ เด็กที่มีคะแนนรองให้ขึ้นมามีสิทธิ์เรียน แต่หลักเกณฑ์ของ TCAS รอบ 3  ไม่มีการเรียกสำรอง
  • แต่เด็กอีกกลุ่ม คัดค้านการเรียก “สำรอง” เนื่องจาก เด็กกลุ่มนี้ยอมเลือกคณะที่คะแนนสามารถเข้าได้ แต่ไม่ถึงกับเป็นคณะที่อยากเข้าที่สุด หาก ทปอ.เรียกสำรองขึ้นมาจะไม่เป็นธรรม

ส่วนรอบ 4 ในระบบแอดมิชชั่น (มิถุนายน-กรกฎาคม) เปิดให้นักเรียนทั่วไปเลือก 4 อันดับ ระบบจะพิจารณาติดเฉพาะ คณะที่เลือกอันดับ 1 เท่านั้นเหมือนระบบเก่า แต่รอบนี้มีการใช้คะแนนจากโรงเรียนเก่า ทั้ง GPAX 20 %, O-NET 30 %, GAT/PAT 50 % (แล้วแต่มหาวิทยาลัยกำหนด) ดังนั้นรอบนี้ เด็กที่ได้คะแนนดีจากโรงเรียนเดิมได้เปรียบ 6,000 คะแนน

ขณะที่ รอบที่ 5 คือ รอบรับตรงอิสระ ต้องเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคม รอบนี้ไม่ค่อยไม่มีปัญหา เพราะมีเกณฑ์ของแต่ละมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว แต่จะใกล้วันเปิดเทอม

รศ.วีรชัย พุทธวงศ์ เลขาธิการศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ (CHES) กล่าวว่า ระบบ TCAS มีเป้าหมายสำคัญ คือ การแก้ปัญหาสอบตรงของมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยเฉพาะเด็กที่ฐานะไม่ดี และไม่สามารถเดินทางไปสอบที่มหาวิทยาลัยนั้นๆได้

“การเรียกตัวสำรองเข้ามาในรอบ 3 อาจทำให้ปัญหาต่อเนื่องไม่จบสิ้น แทนที่จะจบในช่วงเคลียร์ริ่งเฮ้าส์ ส่วนข้อกังวลที่นักเรียนอาจเสียสิทธิ์ในคณะที่ตัวเองอยากเรียนนั้น ยืนยันว่า มีเพียงคณะแพทย์ที่ได้ที่นั่งครบจำนวนแล้ว ส่วนคณะอื่นจะมีที่นั่งเพิ่มหลัง เคลียร์ริ่งเฮ้าส์เสร็จสิ้น” เลขาธิการ CHES ระบุ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาจาก TCAS รอบที่ 3 อาจไม่ได้สร้างปัญหาให้เด็กๆ เท่านั้น อาจมีผลกระทบกับมหาวิทยาลัยของรัฐเอง เพราะในวันที่ 1-3 มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่เปิดให้เด็กยืนยันสิทธิ์ หรือ เคลียริ่งเฮ้าส์ คาดการณ์ว่า แม้แต่มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ อาจไม่มีเด็กไปเรียนจริงๆ ทั้งที่มีคนสอบติด (เพราะคนที่สอบติด มีที่เรียนอยู่แล้ว)

(ความเห็นบางส่วนจากทวิตเตอร์ #dex61 #TCAS)

ขอบคุณภาพ / ที่มา Thai PBS

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง