ป.ป.ส. ไม่แจ้งข้อหา อ.เดชา ระบุตีความกฎหมายต่างกัน

ป.ป.ส. ไม่แจ้งข้อหา อ.เดชา ระบุตีความกฎหมายต่างกัน

ในประเทศ

อ.เดชา เร่งดำเนินการยื่นนิรโทษกรรมกัญชา หลัง ป.ป.ส.ไม่แจ้งข้อหา พร้อมขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้านให้ทันกรอบเวลา 90 วัน 

วันที่ 12 เม.ย.2562 วานนี้ภายหลังหารือร่วมกันระหว่างเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ และผู้แทนจากมูลนิธิชีววิถี, มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มีการแถลงความชัดเจน กรณีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ร่วมกับตำรวจเข้าตรวจค้น จับ และยึดของกลางกัญชาภายในมูลนิธิข้าวขวัญ

นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุว่า การหารือร่วมกันในวันนี้ทั้งสองฝ่ายยังตีความข้อกฎหมายต่างกัน เรื่องยื่นนิรโทษกรรมกัญชาตามกรอบ 90 วัน ส่วนเหตุผลการจับกุมนั้นเนื่องจากหากมีผู้ลักลอบปลูกกัญชาจำนวนมากแล้วอ้างว่าจะมีการยื่นขอนิรโทษอาจสร้างความเสียหายได้ ซึ่งกรณีของนายพรชัย ชูเลิศ เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนของนายเดชา ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนยื่นขอนิรโทษกรรมกัญชาไปก่อน

ขณะที่ข้อมูลจากการประชุมโครงการจัดการภูมิปัญญาหมอพื้นบ้าน เมื่อปี 2551 โดยมูลนิธิสุขภาพไทย ปรากฏชื่อนายเดชาเข้าร่วมด้วย และได้ส่งเอกสารรับรองให้นายเดชาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา และหากนายเดชายังไม่สามารถขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้าน ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพแพทย์แผนไทย พ.ศ.2556 ได้ทันกรอบเวลา 90 วัน ก็อาจต้องใช้วิธีรวบรวมรายชื่อเพื่อให้การรับรองแทน

เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญด้านนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ระบุว่า ต้องการให้มองไปถึงอนาคต ว่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์อย่างไร ท่ามกลางข้อจำกัดด้านกฎหมายปัจจุบัน พร้อมแสดงความเห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ป.ป.ส. กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงรัฐบาล ควรทำงานร่วมกัน ว่าจะช่วยเหลือประชาชนอย่างไรได้บ้าง แม้ส่วนตัวจะต้องการให้ถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด แต่เฉพาะหน้าต้องหาทางจดแจ้งและขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้านให้ได้ก่อน

ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ กล่าวว่า ควรเอากัญชาออกจากบัญชียาเสพติด เพราะไม่อย่างนั้นปัญหาจะไม่จบไม่สิ้น ถ้าเรายึดตามองค์การอนามัยโลก ต้องคุยกันเรื่องจุดยืนเน้นประโยชน์ของชาติ และทำหน้าที่ของทุกฝ่ายให้ดีที่สุด เพื่อส่งเสริมกัญชาเป็นยารักษาโรค

สำหรับความคืบหน้ากรณีที่มูลนิธิชีววิถี เปิดเผยว่า ได้มีการหารือความร่วมมือทางวิชาการในการพัฒนายาจากกัญชาสายพันธุ์ไทย ร่วมกับสถาบันการศึกษาหลายแห่ง ทีมข่าวตรวจสอบไปยังคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า มีการหารือกันจริงในเบื้องต้น แต่จะต้องมีการพูดคุยรายละเอียดกับนายเดชาก่อน ว่า หากมีความร่วมมือจะใช้แนวทางใด เนื่องจากยอมรับว่า ความรู้ทางวิชาการด้านกัญชาในประเทศไทยยังมีน้อย ส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ หากมีผู้มีประสบการณ์จริงมาร่วมในงานวิจัยก็จะเป็นโอกาสของประเทศไทยในการพัฒนางานด้านสาธารณสุข โดยจะต้องเชิญ ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งได้แสดงความจำนงในการวิจัยเกี่ยวกับการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ร่วมกับนายเดชา ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะมีความคืบหน้า หากมีการประชุมเพื่อร่วมกันพัฒนาการใช้กัญชาทางการแพทย์ดังกล่าว

https://www.youtube.com/watch?time_continue=1&v=JcugSoc0FlU

อ้างอิงข้อมูลจาก ไทยพีบีเอส

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
ป.ป.ส. ไม่แจ้งข้อหา อ.เดชา ระบุตีความกฎหมายต่างกัน