‘ปิยบุตร’ เลขาธิการคณะก้าวหน้า รับทราบข้อหา ม.112 สน.ดุสิต พร้อมกองเชียร์เดินทางไปให้กำลังใจ เบื้องต้นปฏิเสธข้อกล่าวหา ตำรวจแจ้งให้รับรายงานตัวทุก 7 วัน

วันนี้ (20 มิ.ย. 2565) นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า พร้อมนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเดินทางเข้าพบคณะพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดุสิต ตามหมายเรียกผู้ต้องหาในความผิด ป.อาญา ม.112 โดยมีนางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมกองเชียร์เดินทางไปให้กำลังใจ
นายปิยบุตร กล่าวว่า ได้อ่านข้อความที่ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษเข้ามาแจ้งความแล้ว 8 ข้อความ ไม่ได้มีข้อความไหนที่เข้าข่ายมาตรา 112 ในท้ายที่สุดพนักงานสอบสวนก็มีความเห็นตั้งข้อกล่าวหา 1 ข้อความ คิดว่าคนที่มีเหตุมีผลหรือวิญญูชนวินิจฉัยมีสติสัมปชัญญะที่ดีลองอ่านข้อความเมื่อสักครู่อีกครั้งหนึ่งก็สามารถพินิจพิเคราะห์ได้ว่ามันไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานมาตรา 112 แต่เมื่อพนักงานสอบสวนมีความเห็นทางคดีก็ต้องต่อสู้คดีกันต่อไป
แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวว่า คดีที่โดนไม่ใช่ตนคนเดียว แต่เป็นภาพใหญ่ของการใช้สิทธิเสรีภาพ ทุกท่านยอมรับกันแล้วว่ายุคสมัยปัจจุบันมีความคิดและการแสดงออกของเยาวชนรุ่นใหม่เกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันจำนวนมาก ผมจึงมีความเห็นว่าเพื่อให้อยู่อย่างปกติสุข ควรมีการพูดคุยในพื้นที่ที่ปลอดภัย ยืนยันว่าเรื่องเหล่านี้พูดคุยกันได้ในรูปแบบวิชาการ เอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่การแสดงออกของผมกลับถูกดำเนินคดี หากในท้ายที่สุดสังคมเห็นว่าการแสดงความเห็นทางวิชาการนี้ยังโดนคดี จะไม่เห็นพื้นที่พูดคุยในที่สาธารณะได้เลย
เมื่อถามว่า คดีนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการแสดงความเห็นต่อไปหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า เรามีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอของตนไม่ใช่เพิ่งมาพูด แต่พูดมา 10 กว่าปี ข้อความและเนื้อหาไปในทิศทางเดียวกันมาตลอด แต่กลายเป็นว่าพอเข้าสู่แวดวงการเมืองก็ยังเอาเรื่องนี้มากล่าวหาดำเนินคดีอีก ยืนยันว่าความคิดเห็นของผมที่ดำเนินอย่างสุจริตใจนั้นก็จะดำเนินต่อไป ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของผม แต่เพื่อประโยชน์ของสังคมไทย
ด้านทนายกฤษฎางค์ ชี้แจงกระบวนการในชั้นสอบสวนในวันนี้ว่า ตำรวจเรียกนายปิยบุตร มารับทราบข้อกล่าวหาจากกรณี นายเทพมนตรี ลิมปพยอม แจ้งความกล่าวหา ม.112 ตั้งแต่เดือน พ.ย. 64 โดยยื่นพยานหลักฐานเป็นถ้อยคำทั้งในบัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กของ รศ.ดร.ปิยบุตร ซึ่ง พงส. เห็นว่ามีข้อความเข้าข่ายองค์ความผิดอยู่คือในบัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 64 ที่ว่า “สภาพสังคมปัจจุบันนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จำแลงได้อย่างสันติ แต่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่รักษาสถาบันกษัตริย์ไว้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ต่างหาก ที่เป็นไปได้ และทำให้ทุกคนอยู่อย่างสันติ”
วันนี้นายปิยบุตรรับทราบข้อกล่าวหา และให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด โดยขอเวลารวบรวมถ้อยคำเพื่อโต้แย้งต่อสู้คดีต่อภายใน 30 วันนับจากวันนี้ โดยไม่มีการควบคุมตัว เนื่องจากผู้ต้องหามาพบด้วยเอง ตลอดจนไม่มีการขอศาลออกหมายจับหรือหมายขังไว้
ทั้งนี้ นายกฤษฎางค์ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า วันนี้เรามาพบ พงส. ตามนัด ในชั้น พงส. ก็ไม่ได้ควบคุมตัวเนื่องจากไม่มีอำนาจควบคุมตัว แต่ทาง รอง ผบช.น. ให้ความเห็นว่าน่าจะจัดเงื่อนไขไว้ให้ผู้ต้องหามารายงานตัวทุก 7 วัน ซึ่งเป็นภาระขึ้นและเป็นเรื่องผิดปกติอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากไม่ได้เป็นจำเลยหรือหมายศาล แต่เพื่อไม่ให้ พงส. ลำบากใจ และมาร่วมมือกัน รศ.ดร.ปิยบุตร จึงยืนยันว่าจะมารายงานตัวทุก 7 วัน
ขอบคุณภาพจาก เครดิตรูป : Twitter@BenchaMFP










