ประเด็นคือ – 2 สาวเสื้อกั๊กชมพู พบตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย ปัดเรียกค่าบริการตัดเล็บแพงมหาโหด ส่วนเทศบาลนครเกาะสมุยสั่งเพิกถอนใบอนุญาตบริการขายสินค้าชายหาด ของทั้งสอง เพื่อเป็นการลงโทษแล้ว
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 5 ก.พ. 61 ที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.ท.ปิยะพันธุ์ วนอุกฤษฎ์ สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย ได้รับการติดต่อจาก 2 หญิงสาวเสื้อกั๊กชมพู ที่ตกเป็นข่าวเรียกค่าบริการตัดเล็บมือเล็บเท้า และนวดหลัง แพงมหาโหดถึง 3,000 บาท และขู่รีดเงินค่าทิปอีก 500 บาท รวมเป็นเงิน 3,500 บาท เหตุเกิดที่ชายหาดละไม ต.มะเร็ต เมื่อวันที่ 3 ก.พ. มาเข้าพบและขอชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น
น.ส.เอ (นามสมมุติ) ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ในวันเกิดเหตุนักท่องเที่ยวชายคนนี้ได้มาใช้บริการตัดเล็บมือ เล็บเท้า ขัดส้นเท้า นวดตัว นวดเท้า โดยทางเราจะนำป้ายราคามาให้นักท่องเที่ยวดูพร้อมกับตอบตกลงที่จะใช้บริการ ตนเองทำหน้าที่นวดตัว ส่วนเพื่อนอีกคนหนึ่งทำหน้าที่ตัดเล็บ
หลังจากให้บริการเสร็จ ก็คิดเงินค่าบริการไป 2,000 บาท และนักท่องเที่ยวรายนี้รู้สึกพอใจการบริการ พร้อมให้เงินทิปเพิ่มอีกสองคน คนละ 500 บาท พร้อมกับบอกว่าวันพรุ่งนี้จะพาภรรยามาใช้บริการ ซึ่งนักท่องเที่ยวคนนี้อารมณ์ดี ยิ้มแย้มตลอด ตนขอยืนยันว่าไม่มีการล้อมหรือด่าทอนักท่องเที่ยวคนนี้แต่อย่างใด
ตลอดเวลาที่ยึดอาชีพนี้มากว่า 10 ปี ไม่เคยมีปัญหากับนักท่องเที่ยว และทุกครั้งที่ทำงานก็จะแสดงป้ายราคาให้ลูกค้าดู ถ้าลูกค้าพอใจก็ทำ แต่ถ้าลูกค้าว่าแพงไป ก็จะมีการต่อรองราคากัน
น.ส.เอ (นามสมมุติ) กล่าวอีกว่า “ขอวิงวอนขอความเป็นธรรม อยากให้ฟังข้อมูลทั้ง 2 ฝ่าย เพราะพวกเราต้องทำงาน ขอให้ผู้ใหญ่เข้าใจ ถ้าพวกเราทำแบบนั้นจริงหรือไม่ซื่อสัตย์ก็คงจะทำอาชีพนี้อยู่ได้ไม่นานขนาดนี้ และรู้สึกเสียใจที่มีข่าวออกไป ทำให้การท่องเที่ยวเสียหาย
“ถ้าเป็นไปได้ หากเจอตัวนักท่องเที่ยวคนนี้ก็อยากจะขอโทษ ซึ่งการสื่อสารอาจจะไม่เข้าใจกันทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา ทั้งหมดทั้งปวงไม่มีเจตนาทำร้ายจิตใจนักท่องเที่ยว และไม่มีเจตนาทำให้เพื่อนๆ อาชีพเดียวกันเสื่อมเสีย”
ล่าสุด นายสุนทร ภู่ไพบูลย์ รองนายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย เปิดเผยหลังจากประชุมเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับผู้ค้าบริเวณชายหาดละไม โดยได้ข้อสรุปบทลงโทษเหตุการณ์ครั้งนี้ ด้วยการให้ยกเลิกใบอนุญาตประกอบการเร่ขายของบนชายหาดละไม กับ น.ส.เอ และ น.ส.บี (นามสมมุติ) ในทันที
และแจ้งในที่ประชุมอีกว่า ต้องให้บริการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว โดยให้คำนึงถึงภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย และของเกาะสมุย
