สธ.เร่งทบทวนมาตรฐานแล็บตรวจโควิดประเทศร่วมโครงการ Medical and Wellness หลังพบชาวกาตาร์เดินทางเข้าไทยป่วยโควิด-19 ขณะที่ผลตรวจก่อนเดินทางไม่พบ ยืนยันไทยดักจับได้ไม่กระทบภายในประเทศ
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)
วันที่ 24 ส.ค.2563 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ตอบข้อซักถามกรณีชาวกาตาร์เดินทางเข้าไทยในโครงการ Medical and wellness คัดกรองพบติดเชื้อโควิด-19 ว่า โดยระบบผู้เดินทางจะได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในช่วงระยะเวลา 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และเมื่อถึงประเทศไทยแล้วจะทำการตรวจคัดกรองซ้ำอีกครั้ง ซึ่งหลายครั้งที่พบว่า ตรวจครั้งแรกไม่มีเชื้อ แต่มาพบในการตรวจครั้งหลัง ทั้งนี้ขึ้นอยู่ในหลายปัจจัย เช่น ระยะการฟักตัวของเชื้อโรค
นพ.ธเรศ กล่าวว่า ช่วงแรกหรือสัปดาห์แรกอาจจะตรวจไม่พบเชื้อ แต่เมื่อคนไข้เข้ามาแล้วจะถูกส่งเข้าไปกักตัวในระบบปิดที่จัดเตรียมไว้ทันที หากตรวจพบโรคจะสามารถดักจับไว้ได้ เชื้อจะไม่แพร่ไปที่อื่น โดยระบบแล้วถือว่ามีความปลอดภัย ตรวจจับและให้การรักษาต่อได้เลย
“แต่แน่นอนว่า เราจะต้องทบทวนประเทศที่จะเดินทางเข้าไทยและแจ้งมาว่าตรวจครั้งแรกไม่พบการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งตอนนี้กำลังดำเนินการเพื่อดูเรื่องมาตรฐานการตรวจของแลปของประเทศนั้นๆ เพื่อจะทำให้ระบบมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ยืนยันว่า ระบบของไทยมีความปลอดภัยตรวจจับได้ และให้อยู่ในพื้นที่ปิดอย่าง 100% ไม่กระทบไทยและทำให้ระบบเดินหน้าไปได้” อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าว
สำหรับต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในโครงการ Medical and wellness จะต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางมีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง (Fit to Fly Health Certificate) หรือตามสภาพการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางการแพทย์ว่าตรวจไม่พบเชื้อก่อโควิด-19 ภายในไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางรวมกักกันตัวจนครบ 14 วัน ในสถานพยาบาลที่กำหนด และตรวจแล็บก่อโควิด-19 รวม 3 ครั้งขณะอยู่ในประเทศไทย
