กระแสเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากนายกรัฐมนตรีภายในสามวัน เป็นหนึ่งในสามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมราษฎร 2563
การถอยคนละก้าว โดยรัฐบาลยกเลิกพรก.ฉุกเฉินร้ายเเรงในพื้นที่กทม.ไปเเล้ว นัยว่ารัฐบาลยอมก่อน แต่ท่าทีของรัฐบาลดูเหมือนว่าจะสวนทาง ในขณะเดียวกันผู้ชุมนุมยังยืนในสามเงื่อนไขเดิม เเม้จะคล้ายว่าหากพลเอกประยุทธ์ลาออกก่อน อาจจะคลายสถานการณ์ร้อนไปได้บ้าง ?
วันจันทร์-อังคารนี้ จะเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่ออภิปรายทั่วไปเเบบไม่ลงมติ โดยส.ส.เเละส.ว.ร่วมอภิปรายปัญหาการชุมนุมเเละหาทางออกได้นั้น
หลังจบศึกคราวนี้ เชื่อเถอะว่าพลเอกประยุทธ์จะยังยืนเด่นเป็นเบอร์1ตึกไทยคู่ฟ้าไปอีกระยะ และการชุมนุมของกองเชียร์และฝ่ายต่อต้านจะเกิดขึ้นเเบบต่อเนื่อง
โดยวันข้างหน้าต้องจับทุกจังหวะการชุมนุมของสองกลุ่มว่าจะทวีความรุนเเรงขึ้นหรือไม่และเป็นสิ่งบ่งชี้อะไรในช่วงต่อไป

การชุมนุมทางการเมือง ไม่ทำให้นายกฯ ลาออก
หากมองกลับมายังการเสนอให้ลาออกนั้น ไม่มีทางที่พลเอกประยุทธ์จะทำตามเงื่อนไข เหตุเพราะในประวัติศาสตร์การเมืองไทยแทบไม่มีนายกรัฐมนตรีลาออก จากการชุมนุมทางการเมือง แต่จะมีการลาออกจากเหตุขัดแย้งในรัฐสภาและภายในรัฐบาลเท่านั้น
หรือบางครั้งจะมีการยุบสภาเเทนเมื่อพรรคร่วมรัฐบาลขัดเเย้งหรือรัฐบาลไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้เเทนฯ
ดังนั้นเเทบไม่มีโอกาสลาออกเลยสำหรับพลเอกประยุทธ์ เพราะลั่นวาจาไว้เเล้วว่า “จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
หากพลเอกประยุทธ์จะต้องลงจากบัลลังก์จริงนั้น อะไรจะเป็นเงื่อนไขทางการเมือง

ยุบสภา- ยึดอำนาจ
ยุบสภา นั้นมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว บวกกับเเรงบีบจากสังคมเมื่อรัฐบาลเเก้ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้
ตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดจากไวรัสโควิด-19 ก็ทำทุกฝ่ายในบ้านเมืองกุมขมับเเล้ว เมื่อบวกกับการชุมนุมที่ผุดตลอดเวลาก็สร้างความกังวลให้ทุกฝ่าย แม้ตอนนี้รัฐบาลจะมีคะเเนนนิยมลดลง แต่ฝ่ายค้านก็ไร้ปัจจัยแซงนำ เเละฝ่ายค้านเองก็ยังไม่อยากหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ในตอนนี้ นั้นหมายความว่าแทบไร้เหตุให้ยุบสภา
เว้นเสียแต่ว่า หากวันข้างหน้าเหตุชุมนุมยกระดับจนเกิดการสูญเสียขึ้นมาจนพลเอกประยุทธ์ทนเเรงบีบไม่ไหว ตอนนั้นเเหละจะมีการคืนอำนาจให้ประชาชน เเละรอลุ้นว่าพลเอกประยุทธ์จะคัมเเบ็กทางการเมืองหรือไม่?
ยึดอำนาจ วงจรนี้ยากที่จะหมดไปจากเมืองไทย เพราะหากพลเอกประยุทธ์เพลี้ยงพล้ำด้วยเหตุชุมนุมจนภาวะบานปลาย ฝ่ายการเมืองขัดแย้งรุนเเรง ตอนนั้นแม่ทัพนายกองอาจจะขยับตัวมาคุมภาวะประเทศ แต่เศรษฐกิจทรุดหนักอย่างนี้เเละสถานการณ์การเมืองแม้จะยกดีกรีไปเรื่อย ๆ เเต่มันยังไม่ถึงขั้นที่แม่ทัพนายกองจะออกมาคุมสถานการณ์เพราะไม่คุ้มเสี่ยง
ดังนั้นพลเอกประยุทธ์ น่าจะต่อเวลาการทำงานไปอย่างน้อยสองเดือนขึ้นไป
หลังเทศกาลปีใหม่นั่นเเหละ จะเป็นจุดตัดทางการเมืองไทยอีกครั้งว่าจะไปในทิศทางใด









