
ประเด็นคือ – หลังพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และวัดบวรนิเวศวิหาร มีความรู้สึกจากประชาชนมากมาย
วันที่ 30 ต.ค. 60 “ทีมข่าวเวิร์คพอยท์” รายงานว่า แม้วันนี้จะเป็นวันออกทุกข์ แต่ตลอด 5 วันที่ผ่านมา (วันที่ 25 – 29 ต.ค. 60) ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระราชพิธีอัญเชิญพระบรมอัฐิ และพระบรมราชสรีรางคาร มีความรู้สึกมากมายที่เกิดขึ้นในพื้นที่รอบทุ่งพระเมรุมาศ และสถานที่ที่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศเคลื่อนผ่าน
ความรู้สึกที่ถาโถมในช่วงวินาทีที่ทุกคนเสมือนได้เห็นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ความรู้สึกทั้งเศร้าโศก ปลาบปลื้มใจ เกิดขึ้นในวินาทีเดียวกัน “ทีมข่าวเวิร์คพอยท์” ได้รวมรวมความรู้สึกของพวกเขามาถ่ายทอดไว้ ณ ที่นี้

วุฒิชัย เจตนากุล, จิราพร อารีย์ ชาวกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “เป็นครั้งสุดท้าย ตั้งใจมากๆ กับวันนี้ (29 ต.ค. 60) อยากจะมาอยู่ใกล้ท่านที่สุด รักพระองค์มาก ตอนที่ถวายพระเพลิงเราก็มากัน แต่ว่าเข้าไม่ถึง วันนี้ก็พยายามเข้ามาให้ใกล้ท่านให้มากที่สุด เพื่อที่จะส่งพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ เมื่อสักครู่เราก็อาจจะไม่ได้ใกล้มาก เต็มที่ก็ 100 เมตร แต่เท่านี้เราก็รู้สึกว่าเป็นบุญของชีวิตแล้ว วินาทีที่ ร.10 ทรงถือพระบรมโกศลงมา เราก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ เป็นความรู้สึกที่เราจะไม่มีท่านอีกต่อไปแล้ว แต่ว่าทุกคำสอนของท่านก็ยังอยู่ในใจของพวกเราคนไทยทั้งประเทศ จะนำคำสอนของท่านมาใช้ในชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเรา พระราชดำรัสในเรื่องต่างๆ จะนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน”

อภิชาติ วีรเหมฤทธิ์วงศ์ ชาวกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “อยากบอกว่าไม่มีที่ไหนในโลกแล้วที่เหมือนพระองค์ท่าน ท่านสถิตอยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน เพราะผมเกิดมาในรัชกาลที่ 9 ผมเกิด พ.ศ. 2491 ผมจะ 70 แล้ว แต่ผมเกิดมาผมก็เห็นท่านทรงงานแล้ว บ้านผมก็มีรูปท่านหลายแบบที่เก่ามาก”

จุไรรัตน์ ปราโมทย์ ชาวสุพรรณบุรี กล่าวว่า “ตั้งแต่ในหลวงท่านจากไป ตั้งแต่ครั้งแรกเลย ไม่เคยพลาดสักครั้งเดียวที่จะมาร่วมกิจกรรมส่งท่านทุกครั้ง ยกเว้นวันที่ 26 ที่ไม่สามารถเข้าไปที่ท้องสนามหลวงได้ แต่ด้วยความตั้งใจในวันนี้ก็ต้องขอมาส่งท่านที่ที่เก็บพระบรมอัฐิที่นี่”

ในตลอด 5 วัน ตามเส้นทางที่ประชาชนมาจับจองพื้นที่ “ทีมข่าวเวิร์คพอยท์” เห็นกลุ่มเด็ก เยาวชน ที่เดินทางมากับครอบครัว นั่งตากแดดตากฝนเหมือนผู้ใหญ่ และนี่คือมุมมองของพวกเขาที่มีต่อในหลวง รัชกาลที่ 9

ชญาณี และ บุญรดา เมฆหมอก นักเรียน กล่าวว่า “ท่านทำไว้หมดแล้ว แต่ถ้าไม่มีท่าน สิ่งที่หนูทำ สิ่งที่หนูมี สิ่งที่หนูได้ในตอนนี้ก็คือจะยังไม่มี ท่านคือทุกอย่างของหนูจริงๆ ค่ะ ตั้งแต่เกิดมาก็คือมีทุกอย่างเพราะท่านเลย ถ้าไม่มีท่าน คนไทยก็ไม่มีวันนี้ จะนำสิ่งที่ท่านทำมาสานต่อ ถึงแม้ว่าจะทำไม่ได้ดีเหมือนท่าน แต่ก็จะทำค่ะ”

นี่เป็นเพียงแค่เสียงส่วนหนึ่งที่เปรียบเสมือนตัวแทนของประชาชนที่มาบอกเล่าวินาทีในห้วง 5 วันที่ผ่านมา เป็นความรู้สึกที่มากล้นไม่อาจบรรยายได้หมดในช่วงเวลา 3 นาที
เช่นเดียวกับสื่อมวลชนทุกแขนงที่มีหน้าที่นำเสนอพระราชพิธีที่สำคัญที่สุด ในฐานะสื่อมวลชนที่ได้รับฟัง รับรู้ความรู้สึกของประชาชนนับแสนคนที่นี่ ทำให้พวกเราเรียนรู้ว่า ศูนย์ยึดเหนี่ยวจิตใจคนไทยให้มาหลอมรวมกันคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
และพระองค์จะอยู่ในใจคนไทยไปตลอดกาล









