แม้ว่าการแข่งขันโอลิมปิกที่ปารีสเดินทางมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายแล้วก็ตาม แต่อีกหนึ่งกีฬาที่กำลังจะเริ่มเปิดประวัติศาสตร์ใหม่ก็คือ ‘Breaking’ หรือเบรกแดนซ์ที่เดบิวต์ในฐานะกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งแรก โดยเริ่มต้นแข่งในคืนวันที่ 9 ส.ค. สำหรับประเภทหญิง และ 10 ส.ค. สำหรับประเภทชาย ตามเวลาของฝรั่งเศส
โดยเหตุผลที่เบรกแดนซ์ได้เป็นหนึ่งในกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ เพราะคณะกรรมการโอลิมปิกสากลมองว่า ตรงตามวัตถุประสงค์ในการนำเสนอกีฬาที่ได้รับความนิยมในทุกกลุ่มอายุ ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่กีฬาอย่างสเก็ตบอร์ดและปีนหน้าผาได้กลายเป็นกีฬาโอลิมปิกก่อนหน้านี้ด้วย
ก่อนจะไปเชียร์กีฬานี้กัน เราชวนมาทำความเข้าใจและรู้จักกีฬานี้มากขึ้นอีกนิด เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม
-
กีฬาเดียวที่มีดีเจเปิดแผ่นเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน
เตรียมตัวม่วนจอยไปกับดนตรี เพราะในขณะที่กีฬาอื่นๆ ที่ต้องใช้ดนตรีประกอบ การเลือกและเตรียมเพลงจะมาจากนักกีฬา แต่เบรกแดนซ์เพิ่มความตื่นเต้นให้ทั้งคนดูและนักกีฬาด้วยการให้ดีเจเป็นคนควบคุมเพลง เพลงที่ดีเจเลือกจะเป็นตัวกำหนดโทนของการแข่งในแต่ละแมตช์ วัดความสามารถของ B-Boys และ B-Girls ในการขยับร่างกายไปตามบีตของเพลง
-
เทคนิคต้องดี การแสดงออกต้องปัง ความเป็นตัวของตัวเองต้องมี
เกณฑ์การให้คะแนนของเบรกแดนซ์แบ่งออกเป็น 5 เกณฑ์หลักๆ เริ่มตั้งแต่เรื่องเทคนิคที่นักกีฬาต้องแสดงให้กรรมการเห็นถึงความสามารถในการจัดระเบียบร่างกาย
เกณฑ์ถัดมาคือท่าเต้นต่างๆ ที่จะต้องมีความหลากหลาย น่าสนใจ ตามด้วยการนำเสนอที่เน้นให้เห็นว่า เต้นแต่ละท่าได้เฉียบและชัดแค่ไหน รวมถึงความต่อเนื่องระหว่างท่าที่ต้องดูลื่นไหล แต่ไม่ทำให้ดูเป็นท่าเดียวกัน
ความเข้ากันได้ดีกับเสียงเพลงเป็นอีกเกณฑ์ที่กรรมการพิจารณาในการให้คะแนน B-Boys และ B-Girls จะต้องเคลื่อนไหวร่างกายให้เข้ากับดนตรี
ส่วนเกณฑ์สุดท้ายคือความเป็นต้นฉบับ ไม่ซ้ำใคร ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่สำคัญมาก เพราะจะวัดความเป็นตัวของตัวเองในแต่ละโชว์และสร้างความแตกต่างจากคู่ต่อสู้ที่แบทเทิลกันอยู่ได้
-
‘Top Rock – Down Rock – Power Moves – Freeze’ สี่คำศัพท์ที่จะได้ยินและได้เห็นตลอดการแข่งขัน
ท่าพื้นฐานที่จะได้เห็นแน่ๆ และได้ยินจากผู้บรรยายก็คือ Tock Rock, Down Rock, Power Moves และ Freeze สี่ท่าพื้นฐานของเบรกแดนซ์ โดย Top Rock เป็นการขยับขาในท่ายืน เป็นท่าที่มักจะได้เห็นกันตั้งแต่เริ่มโชว์เพื่อแสดงออกถึงสไตล์ของนักเต้น และเป็นการวอร์มอัพก่อนที่จะเข้าสู่ท่าที่มีความซับซ้อนมากขึ้นต่อไป
Down Rock เป็นท่าที่ตรงกันข้ามกับท่าแรก เพราะจะเป็นท่าเต้นที่ใช้มือและเท้าในการเต้นที่พื้น ท่านี้จะแสดงให้เห็นถึงความรวดเร็วของเท้าและโชว์ความสามารถในการควบคุมฟุตเวิร์ก จากท่านี้มักจะต่อเนื่องไปท่าถัดไป นั่นคือ Power Moves ท่าที่ใช้ทั้งความเร็ว โมเมนตัม และความผาดโผนในการแสดง เรียกว่าเป็นท่าใช้พลัง มักจะเป็นท่าที่นักเต้นใช้เป็นจุดเด่นของโชว์
ท่าพื้นฐานท่าสุดท้ายก็คือ Freeze ที่นักเต้นจะบังคับร่างกายให้นิ่งเหมือนกดปุ่มหยุดการเคลื่อนไหว ทุกท่าสามารถใช้เป็นท่า Freeze ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วนักเต้นจะเลือกท่าที่ดูน่าสนใจ โชว์การบาลานซ์ร่างกายได้ดีมาเป็นตัวทำคะแนน
-
การแบทเทิลกันของตัวจี๊ดในวงการเบรกแดนซ์
ตลอด 2 วันของการแข่งขัน ผู้ชมจะได้เห็นการแบทเทิลกันของ B-Boys และ B-Girls รวม 16 คน ที่เรียกได้ว่ารวมคนดังของวงการนี้ อย่างเช่น Victor Montalvo จากอเมริกา ที่ได้ฉายาว่า Michael Jordan ของวงการเบรกแดนซ์ กวาดแชมป์มาแล้วหลายรายการ, Danis Civil จากประเทศเจ้าภาพที่สร้างความเซอร์ไพรส์ในโชว์ได้เสมอ, Lin Qingyi นักเต้นวัยรุ่นจากจีนที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งวงการเบรกแดนซ์ของที่นั่น และ Maniza Talash จากอัฟกานิสถานที่อยากพิสูจน์ว่า ทุกคนทำความฝันให้เป็นจริงได้ แม้จะอยู่ในกรงขัง


-
กรรมการเองก็จี๊ดไม่แพ้กัน
จับตามองกรรมการของการแข่งขันครั้งนี้ไว้ให้ดี เพราะแต่ละคนคือเซเลบในสายนี้ที่ยังแอ็กทีฟในวงการ รวมถึง Kazuhiro ซึ่งเป็น B-Boy ระดับตำนานของญี่ปุ่น และ Moy อีกหนึ่ง B-Boy ตัวพ่อที่เป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันระดับโลกมาแล้วทั่วโลก
อ้างอิง:










