จีนทุ่มงบกว่า 4.58 ล้านล้านบาท พัฒนาเครือข่าย 5G ภายในปี 2025

จีนทุ่มงบกว่า 4.58 ล้านล้านบาท พัฒนาเครือข่าย 5G ภายในปี 2025

ภาพจาก: China Xinhua News

จีนตั้งเป้าทุ่มเงินกว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 4.58 ล้านล้านบาท) เพื่อพัฒนาเครือข่าย5จี (5G) ภายในปี 2025

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญของวอลสตรีท (Wall Street) ตลาดหุ้นในนิวยอร์กกล่าวว่า จีนได้คาดการณ์จะใช้เงินทุนมากกว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.58 ล้านล้านบาท) เพื่อพัฒนาเครือข่าย5จี (5G) หรือระบบไร้สายรุ่นที่ 5 ให้มีสัดส่วนคิดเป็น 3 ใน 4 ของเครือข่ายผสม ภายในปี 2025

อัลเลน ชาง นักวิจัยจากโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) บริษัทสินเชื่อในนครเซินเจิ้นของจีน กล่าวว่า “นั่นเป็นเงินมหาศาล ซึ่งสูงกว่าที่จีนเคยใช้เงิน 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.05 ล้านล้านบาท) ลงทุนสำหรับ 4G ในช่วงปี 2013-2018 เสียอีก โดยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากแผนสร้างสถานีฐาน 5G จำนวนมากขึ้น และราคาต้นทุนที่ต้องใช้ผลิตอุปกรณ์ 5G ที่เพิ่มสูงขึ้น

เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จีนได้อนุมัติการให้บริการเชิงพาณิชย์ 5G อย่างเป็นทางการ โดยขณะนี้กำลังทดสอบการใช้ระบบ 5G ในเมืองใหญ่และภูมิภาคหลายแห่ง ซึ่งคาดว่าตลาด 5G ของจีนจะเริ่มใช้งานเชิงพาณิชย์ขนาดเล็กในปีนี้ และใช้งานเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ในปีหน้า

ด้านสมาคมระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่จีเอสเอ็ม (GSMA) คาดการณ์ว่า ร้อยละ 28 ของการเชื่อมต่อเคลื่อนที่ของจีนจะสามารถทำงานบนเครือข่าย 5G ได้ภายในปี 2025 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของการเชื่อมต่อ 5G ทั่วโลก

ชาง ยังกล่าวเสริมว่า จีนคาดว่าจะมีสถานีฐาน 5G จำนวน 4.9 ล้านแห่งภายในปี 2030 เนื่องจาก “ความต้องการใช้งานเทคโนโลยีความเร็วสูง 5G ของผู้คนที่พุ่งสูง และการแข่งขันที่ดุเดือดในหมู่แบรนด์ที่แย่งกันเสนอคุณสมบัติต่างๆ ที่ผ่านการพัฒนามาแล้วให้แก่ลูกค้า”

ส่วน บริษัท หัวเว่ย ยักษ์ใหญ่ด้านสื่อสารโทรคมนาคมของจีนได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า บริษัทได้ทำสัญญาเรื่องบริการเชิงพาณิชย์ 5G ต่างๆ กับประเทศและภูมิภาค 30 แห่ง ไว้ถึง 50 ฉบับ ทั้งยังได้ส่งสถานีฐาน 5G มากกว่า 150,000 แห่งไปยังทั่วโลกแล้ว

หูโฮ่วคุน รองประธานกรรมการบริษัทฯ หัวเว่ย ยังเผยว่า จะเพิ่มตัวเลขนี้ให้ถึงราว 500,000 แห่งภายในสิ้นปี

ชาง ยังวิเคราะห์ว่าการเปลี่ยนผ่านของจีนไปสู่ยุคเครือข่ายไร้สายที่เร็วยิ่งขึ้นนั้นควร “สร้างโอกาส” ให้แก่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องและหุ้นส่วนของพวกเขา เนื่องจากความต้องการสารกึ่งตัวนำ หรือ เซมิคอนดักเตอร์ (semiconductor) ที่เพิ่มขึ้น และการยกระดับอุปกรณ์ของผู้บริโภคให้สูงขึ้น

“บรรดาผู้ประกอบการโทรคมนาคม ผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ (ทั่วโลก) มีแนวโน้มที่จะต้องการชิปเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากพวกเขาต้องการอัปเกรดระบบและเทคโนโลยีสำหรับยุค 5G” เขากล่าว “ซึ่งเราก็มั่นใจว่าแนวโน้มการเติบโตระยะยาวจะเป็นไปด้วยดี”

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง