6 หน่วยงาน ช่วยกลุ่มเด็กเปราะบางบนท้องถนนกลับคืนสู่ห้องเรียน ต้อนรับเปิดเทอม

6 หน่วยงาน ช่วยกลุ่มเด็กเปราะบางบนท้องถนนกลับคืนสู่ห้องเรียน ต้อนรับเปิดเทอม

ในประเทศ

กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. ร่วมมือกับ 5 หน่วยงาน จัดกิจกรรมเสริมความพร้อมส่งน้องไปโรงเรียน กับกลุ่มเด็กเปราะบางบนท้องถนน ที่มีแนวโน้มจะหลุดจากระบบการศึกษา กลับคืนสู่ห้องเรียน

ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เปิดเผยว่า กิจกรรมนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในอนาคตระหว่าง กสศ. กรุงเทพมหานคร กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก เครือข่ายองค์กรทำงานเพื่อเด็กเร่ร่อน และ ศูนย์วิจัยและพัฒนาด้านเด็กและเยาวชน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อวิจัยพัฒนาแนวทางการช่วยเหลือเด็กกลุ่มเปราะบาง บนวิถีชีวิตถนน ที่มีแนวโน้มจะหลุดออกนอกระบบการศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่อย่างยั่งยืน ใน 3 ด้านสำคัญ ประกอบด้วย

1. การจัดทำระบบฐานข้อมูลสารสนเทศเพื่อบูรณาการความช่วยเหลือเด็กและเยาวชนร่วมกันระหว่างหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และ ภาคเอกชนในอนาคต
2. สนับสนุนการทำงานให้กับครูศูนย์สร้างโอกาสเด็ก กทม. รวมถึงครูอาสา ครูนอกระบบเพื่อติดตามช่วยเหลือ เด็กกลุ่มนี้เป็นรายกรณีอย่างเป็นระบบ (Case Management System) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาคส่วนต่างๆ
3. การศึกษาวิจัยแนวทางการวางแผนการศึกษาของเด็กเยาวชนกลุ่มนี้ที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความถนัดและศักยภาพเป็นรายบุคคล เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาชีพและครอบครัวในอนาคต รวมทั้งเสริมศักยภาพให้กับเด็ก รวมถึงครอบครัวให้มีกิจกรรมเสริมรายได้หรืออาชีพทางเลือกที่เหมาะสมตามวัย ไม่มีความเสี่ยง ช่วยลดอุปสรรคในการไปโรงเรียนจากความยากจน แต่สามารถสร้างรายได้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนได้

สำหรับการดำเนินโครงการนี้ จะเริ่มจากการเก็บข้อมูลกลุ่มเด็กที่ทำงานบนท้องถนนในพื้นที่กรุงเทพมหานครในรัศมี 10 กิโลเมตร รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยเข้าไปฟังเสียงจากเด็ก เยาวชน และครอบครัวในพื้นที่โดยตรงว่า ต้องการหรือขาดสิ่งใด ซึ่งเด็กและเยาวชนเหล่านี้อยากเรียนหนังสือ แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องฐานะของครอบครัว จึงจำเป็นต้องหารายได้เสริมในช่วงวันหยุด หรือหลังเลิกเรียน เช่น ขายดอกไม้ พวงมาลัยตามสี่แยกไฟแดง หรือบางส่วนเร่ร่อนขอเงินตามถนนหนทางต่างๆ

“สำหรับทางออกของปัญหาเด็กกลุ่มนี้ ไม่สามารถแก้โดยลำพังเพียงเด็กเท่านั้น แต่ต้องเข้าไปดูปัญหาของของครอบครัว ชุมชน เพื่อหาทางออกในระยะยาว เพื่อให้เด็กกลุ่มนี้ผ่านพ้นจากกับดักความยากจน ไม่ต้องกลับมาทำอาชีพที่มีความเสี่ยงอีก พวกเรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพของเด็กเยาวชนเหล่านี้ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยในอนาคตได้ หากได้โอกาสทางการศึกษาที่เสมอภาคและสอดคล้องกับศักยภาพและความถนัดเป็นรายบุคคล” ดร.ไกรยส กล่าว

ด้านนางสาวทองพูล บัวศรี ผู้จัดการโครงการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าวว่า จากการที่มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเด็กกลุ่มเปราะบาง บนวิถีชีวิตถนน เช่น ขายมาลัย ดอกจำปี ตามสี่แยก หรือ ขอทานบนถนนสายต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 81 คน ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พบว่าเด็กๆ กลุ่มนี้ส่วนใหญ่ครอบครัวมีฐานะยากจน มีภาระหนี้สิน การศึกษาไม่สูง และประกอบอาชีพที่ไม่แน่นอน เด็กบางคนขายพวงมาลัยริมถนน บางคนก็ไปขอทานบริเวณซอยนานา ทำให้การแก้ปัญหาเด็กกลุ่มนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องตามติดไปถึงชุมชนเข้าไปทำความรู้จักครอบครัวอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความไว้ใจ เพื่อให้สามารถเข้าไปสัมผัสปัญหาแต่ละครอบครัวที่แตกต่างกันได้ ปัจจุบันประเทศไทยมีเด็กเร่ร่อนประมาณ 30,000 คน กระจายอยู่ตามเมืองท่องเที่ยวใหญ่บางครอบครัวพ่อแม่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ จึงมีปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์การเรียน ดังนั้นกิจกรรมเสริมความพร้อมส่งน้องไปโรงเรียนที่จัดขึ้น จึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการกลับไปสู่โรงเรียนของเด็กกลุ่มนี้

ขณะที่นายกุลธร เลิศสุริยะกุล ประธานเครือข่ายองค์กรทำงานเพื่อเด็กเร่ร่อน กล่าวอีกว่า คนที่เข้าใจปัญหาเด็กเร่ร่อนที่สุด คือ ครูอาสา กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศประมาณ 180-200 คน ดังนั้นจึงต้องใช้กลไกครูเหล่านี้เข้ามาช่วยและถือเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหา

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง