ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในสหรัฐอเมริกา ประกาศปลดพนักงานราว 880 คน ตามแผนการปรับโครงสร้างองค์กรของบริษัท
โดยโฆษกของ 7-Eleven ในสหรัฐอเมริกา บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ตำแหน่งงานที่ถูกเลิกจ้างในครั้งนี้ เป็นตำแหน่งงานที่ศูนย์ซัพพอร์ต และฝ่ายซัพพอร์ตภาคสนามในเมืองเออร์วิง รัฐเท็กซัส และเมืองเอนอน รัฐโอไฮโอ
ทั้งนี้ 7-Eleven ในสหรัฐฯ ซึ่งมีเจ้าของเป็นบริษัทค้าปลีกญี่ปุ่นอย่าง Seven & i Holdings กำลังเป็นอีกหนึ่งบริษัทในอเมริกาที่เพิ่งเลิกจ้างพนักงาน เนื่องจากวิกฤตเงินเฟ้อที่ขยายตัวเป็นวงกว้าง กระทบกับราคาเชื้อเพลิง แรงงาน ไปจนถึงค่าเช่า ทำให้ธุรกิจต่างๆ มีกำไรลดลง
จนขณะนี้ หลายบริษัทหยุดการจ้างงานใหม่ไว้ชั่วคราว หรือบางแห่งหนักกว่าคือเริ่มเลิกจ้างพนักงาน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย
ส่วน 7-Eleven ก็ได้รับผลกระทบด้วย โดยเฉพาะสาขาที่อยู่ในปั๊ม เมื่อน้ำมันราคาแพง ผู้คนหยุดเติมน้ำมันหรือเติมไม่บ่อยเท่าเดิม และซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกน้อยลงไปด้วย
ที่น่าสนใจคือ เมื่อราว 1 ปีที่แล้ว บริษัทแม่ของ 7-Eleven เพิ่งจะทุ่มเม็ดเงินกว่า 2.1 หมื่นล้านเหรียญ เข้าซื้อกิจการร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ในสหรัฐฯ อย่าง Speedway จากบริษัทปั๊มน้ำมัน Marathon Petroleum
และดีลที่ว่าก็เพิ่มจำนวนสาขา 7-Eleven ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเป็นเกือบ 14,000 แห่ง
โฆษกของ 7-Eleven บอกว่าบริษัทกำลังอยู่ระหว่างกระบวนการควบรวมกิจการ ซึ่งมีความคืบหน้าอย่างมาก และแน่นอนว่าการควบรวมนั้นหมายรวมไปถึงการปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมด้วย
อย่างไรก็ตาม ValueAct Capital นักลงทุนในสหรัฐฯ ที่ซื้อหุ้นมูลค่า 1.53 พันล้านเหรียญใน Seven & i Holdings เมื่อปีที่แล้ว ได้กระตุ้นให้บริษัทปฏิรูปโครงสร้าง โฟกัส 7-Eleven ให้น้อยลง และขายสินทรัพย์บางอย่างของ 7-Eleven ด้วย
ขณะที่ในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา Seven & i Holdings ระบุว่าบริษัทจะปรับโครงสร้างบอร์ดเพื่อเร่งการเติบโตในต่างประเทศ










