
ยายวัย 70 ปี เสียชีวิตเเล้ว พบชีพจรหยุดเต้น หลังตายเเล้วฟื้น ญาติเผยปาฏิหาริย์ไม่มีจริงนำศพเผาเรียบร้อยแล้ว
จากกรณีนางพินิจ อายุ 70 ปี ที่เสียชีวิตจากโรคคอพอก เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา ญาตินำศพใส่ในโลงเย็นไว้ 3 วัน ก่อนเคลื่อนไปยังวัดอัมพะวัน บ้านดงเย็น ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เพื่อฌาปนกิจศพที่เมรุ แต่ขณะที่สามีนายถวิล อายุ 73 ปี สามี จะทำพิธีล้างหน้าศพครั้งสุดท้าย นางพินิจกลับลืมตาขึ้น สร้างความดีใจแก่ลูกๆ บอกแม่ยังไม่ตาย ก่อนที่กู้ชีพโรงพยาบาลหนองหาน จะมาปั๊มหัวใจและนำส่งรพ. แต่หมอบอกว่าไม่รับรักษา เพราะเซลล์สมองตายแล้ว ญาติๆ จึงนำร่างกลับมาที่บ้าน ช่วยปั๊มหัวใจ นำผ้าห่มมาให้ หวังให้ฟื้นกลับมาปกติ
ล่าสุด วานนี้(24 ต.ค. 2562) เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังนายถวิลสามีทราบว่านางพินิจได้เสียชีวิตแล้ว โดยเมื่อเวลา 02.00 น. ที่ผ่านมา ชีพจรของนางพินิจอ่อนลง จนเมื่อเวลา 09.00 น. ปรากฏว่าชีพจรไม่เต้นแล้ว แพทย์จากโรงพยาบาลหนองหาน เข้าพิสูจน์พบว่าไม่มีสัญญาณชีพใด ๆ จึงได้แจ้งทางญาติให้ทราบ ทั้งนี้ทางนายถวิล ลูกหลาน และญาติ ได้นำศพนางพินิจ ทำพิธีฌาปนกิจศพแล้ว ในช่วงเวลา 13.00 น.

ด้านนพ.ณรงค์ ธาดาเดช ผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เล่าว่าผู้เสียชีวิตถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยการถูกส่งตัวต่อมาจากโรงพยาบาลหนองหาน ที่เอ็กซ์เรย์มาแล้วว่ามีเส้นเลือดใหญ่ที่ไปสมองอุดตัน ทำให้สมองขาดเลือด และผู้ป่วยหายใจเองไม่ได้ ต้องให้ออกซิเจนและเครื่องช่วยหายใจมา และมีก้อนที่บริเวณลำคอก้อนใหญ่ที่เป็นไทรอยส์ เข้ารับการรักษาตั้งแต่วันที่ 7-20 ตุลาคม
โดยทางญาติก็ทราบว่าผู้ป่วยมีอายุ 70 ปี โอกาสฟื้นตัวได้น้อย ทางญาติจึงขออนุญาตนำตัวผู้ป่วยกลับไป เพื่อให้เสียชีวิตที่บ้าน และกลับไปถึงบ้านได้ 2-3 วัน ก็ทราบว่าทางญาติได้ประเมินว่าผู้ป่วยได้เสียชีวิตแล้ว จึงจัดพิธีทางศาสนา แต่ขณะที่กำลังจะทำพิธีฌาปนกิจศพอยู่นั้น ผู้เสียชีวิตได้ลืมตา ซึ่งในกรณีดังกล่าวนั้น อาจจะเกิดจากการที่ถูกความเย็นในโลงเย็น หรือช่วงที่เสียชีวิตมีเซลล์บางส่วนที่ฝ่อลงและบางลง เมื่อมีน้ำไปโดนขณะล้างหน้าศพ ก็อาจเป็นปฏิกริยา กล้ามเนื้อเกิดปฏิกิริยากล้ามเนื้อหดตัวทำให้ตาลืมขึ้น

นพ.ณรงค์กล่าวให้ความรู้ต่อไปอีกว่า การประเมินการเสียชีวิต ทางการแพทย์มีอยู่เช่น สมองตาย หัวใจหยุดเต้น สิ้นลมหายใจ ในกรณีที่ผู้ป่วยกลับไปหมดลมที่บ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นญาติพี่น้องเป็นผู้ลงความเห็นในการเสียชีวิต แต่ก็สามารถร้องขอให้แพทย์เข้าไปตรวจสอบได้ ซึ่งกรณีที่มีผู้เสียชีวิต 24 ชั่วโมงแรก ร่างอาจจะแข็ง แต่พอผ่านไปหลังจาก 24 ชั่วโมงไปแล้ว ร่างกายกล้ามเนื้อจะอ่อนลง ซึ่งผู้เสียชีวิตรายนี้ร่างกายอ่อนลงเพราะเสียชีวิตมานานนั่นเอง









