กรมวิชาการเกษตร พบ 3 สารเคมีค้างสต๊อกกว่า 3 หมื่นตัน ชี้ทำลายต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ

กรมวิชาการเกษตร พบ 3 สารเคมีค้างสต๊อกกว่า 3 หมื่นตัน ชี้ทำลายต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ

ในประเทศ

กรมวิชาการเกษตรตรวจสอบสต๊อก 3 สาร พบคงเหลือจำนวน 38,855 ตัน ชี้การทำลายสารเคมีต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ คาดสิ้นเดือนสารเคมีทั้ง 3 ชนิดจะลดลง หลังเริ่มมีการส่งมอบเพื่อทำลาย

วันที่ 19 พ.ย.2562 น.ส.เสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายได้มีมติให้ยกเลิกการใช้วัตถุอันตรายจำนวน 3 ชนิดคือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ธันวาคม 2562 ขณะนี้กรมวิชาการเกษตรได้ทำการสำรวจปริมาณวัตถุอันตรายทั้ง 3 ชนิดจากร้านค้า ผู้จัดจำหน่าย ผู้ผลิต ผู้นำเข้าทั่วประเทศพบว่าปัจจุบันมีจำนวนคงเหลือประมาณ 38,855 ตัน คาดว่าภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 จะมีวัตถุอันตรายทั้ง 3 ชนิดที่ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายส่งมอบให้กรมวิชาการเกษตรนำไปทำลายตามหลักวิชาการที่ถูกต้องในจำนวนที่ลดลงกว่านี้ เนื่องจากในช่วงระหว่างนี้ร้านค้ายังสามารถจำหน่ายสารทั้ง 3 ชนิดให้แก่เกษตรกรที่ผ่านการอบรมตามมาตรการจำกัดการใช้ได้จนกว่าจะถึงวันที่ประกาศมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ธันวาคม 2562

กรมวิชาการเกษตรได้รายงานประสบการณ์จากการทำลายวัตถุอันตรายที่นำเข้ามาโดยผิดกฎหมายปี 2561 ที่ได้ว่าจ้างให้บริษัทอัคคีปราการเผาทำลายวัตถุอันตรายในราคาตันละ 1 แสนบาท ซึ่งการทำลายวัตถุอันตรายจะต้องทำอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ มีความปลอดภัยต่อมนุษย์ สัตว์ และไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม กรมวิชาการเกษตรจึงได้ทำหนังสือสอบถามไปยังกรมควบคุมมลพิษและกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลการทำลายสารเคมี เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการทำลายเพื่อนำมาประกอบการพิจารณา โดยปัจจุบันยังไม่ได้รับหนังสือตอบรับกลับมาจากทั้ง 2 หน่วยงาน ดังนั้นจึงขอยืนยันว่า ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตรยังไม่ได้มีการเสนอรายชื่อบริษัทใดที่จะกำจัดสารเคมีทั้ง 3 ชนิด

 

 

 

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง