ในที่สุดเสียงของเราก็ไปถึงหู Instagram ล่าสุด Adam Mosseri หรือ head สูงสุดของ Instagram โพสต์วิดีโอแถลง ซึ่งสามารถสรุปได้สั้นๆ ว่า ได้ยิน เข้าใจ จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ถึงที่สุดแล้ว วิดีโอ คือสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
Mosseri แจงสามข้อสำคัญเรื่องการแสดงผลเต็มหน้าจอ, วิดีโอ และ การแนะนำสิ่งที่เราน่าจะสนใจ หรือ recommendations
เรื่องแรก การแสดงผลเต็มหน้าจอในหน้าฟีด ตอนนี้ยังเป็นแค่การทดสอบ และยังมีไม่กี่คนที่ได้ใช้งาน จุดประสงค์หลักคือ ต้องการเพิ่มประสบการณ์การใช้งาน ซึ่งจะแสดงเต็มจอทั้งหมดทั้งวิดีโอและรูปภาพ แต่ก็ยอมรับว่า มันยังไม่ดีพอ
เรื่องที่สองคือ Photo ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในตอนนี้ ที่หน้าฟีด เรามองไม่ค่อยเห็นรูปภาพแล้ว เห็นแต่คลิป Reels เต็มไปหมด Mosseri บอกอยากเคลียร์ให้ชัดว่า Instagram จะยังซัพพอร์ตรูปภาพต่อไป แต่ก็ต้องยอมรับด้วยว่า Instagtram ที่ผ่านมากลายเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอมากขึ้นๆ ทุกที
แม้ Instagram จะไม่เปลี่ยนอะไรเลย แต่คอนเทนต์ที่เป็นวิดีโอก็จะครองแพลตฟอร์มอยู่ดี ผู้ใช้งานโพสต์คอนเทนต์ที่เป็นวิดีโอมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น Instagram ก็ทำการเปลี่ยนแปลงโดยมีเรื่องนี้เป็นพื้นฐานสำคัญ คือพฤติกรรมผู้ใช้งาน
เรื่องสุดท้ายคือ recommendations ไอเดียของมันคือ แนะนำสิ่งใหม่ที่เราน่าจะสนใจ และให้ครีเอเตอร์เข้าถึงคนมากขึ้น แต่ถ้าสิ่งที่แสดงมาให้ เราไม่สนใจ ก็แสดงว่า Instagram ยังทำไม่ดีพอ ผู้ใช้สามารถปิดการแนะนำหรือ snooze ได้ หรือเข้าไปที่ Following Feed ซึ่งจะแสดงผลเฉพาะคนที่เราติดตามเท่านั้น
ทีนี้ เราลองมาย้อนดูความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ Instagram ถ้าไม่นับการที่ Facebook เข้าซื้อ ก็คือการเปิดตัว Stories (ปี 2016) ฟีเจอร์ที่ลอกเลียนมาจาก Snapchat เป็นจุดสำคัญที่คนหันมาโพสต์คลิปสั้นกันมากขึ้น ที่สำคัญ คนยังรู้สึกสบายใจกับการโพสต์ Stories เพราะมันหายไปเองใน 24 ชม.
จนกระทั่ง TikTok เข้ามาคุกคาม ก็เลยต้องเปิดตัว Reels มาแข่ง เท่านั้นไม่พอ Instagram ยังไปไกลกว่าเดิมด้วยการเปลี่ยนอัลกอริทึม แนะนำวิดีโอจาก Reels ในฟีด
หลังจากนั้น Adam Mosseri ก็ประกาศทิศทางใหม่ บอกชัดเจนว่า Instagram จะไม่ใช้แอปแชร์รูปภาพอีกต่อไปแล้ว
ผู้ใช้งานก็อัดอั้นมานาน ล่าสุดสร้างแคมเปญให้ Instsgram หยุดทำตัวเองให้เป็น TikTok ดาราดัง Kim Kardashian และ Kylie Jenner ก็สนับสนุนแคมเปญนี้ด้วย คาดว่านี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Mosseri ต้องออกมาแถลงอีกครั้ง
ที่มา : The Verge, Adam Mosseri, Blognone










